รถยนต์ไฟฟ้า(EV) ค่ายไหนเลือกอย่างไร มาดูกัน
11 ก.พ. 66 20:36 น. /
ดู 21,499 ครั้ง /
4 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ในช่วงที่ผ่านมาพูดได้เลยว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็นที่นิยมและมาแรงเหลือเกิน เพราะการใช้พลังงานสะอาดนั้นพิสูจน์แล้วว่าส่งผลดีต่อโลกของเราอย่างมาก ทำให้เหล่าค่ายรถต่างๆ หันมาทำรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น BMW ที่โด่งดังมากในการผู้นำรถยนต์ Plug-in Hybrid ที่บอกเลยว่าน่าจะเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำตลาดในไทยได้เป็นอย่างดี น่าจะเป็นเพราะความพร้อมของศูนย์บริการที่มีมากในประเทศไทย และนวัตกรรมที่ BMW ขึ้นชื่อออย่างมากเรื่องความมีมาตราฐานทำให้ รถยนต์ Plug-in Hybrid ที่เคยตีตลาดในประเทศไทย จะมาตีตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับค่ายนี้
และที่จะเข้าไทยล่าสุดที่กำลังเป็นกระแสอย่างหนักก็คงจะหนีไม่พ้น Tesla ของอีลอน มัสก์ พ่อหนุ่มนักธุรกิจสุดโต่งที่รู้จักกันดีในสื่อต่างๆ ถ้าติดตามข่าวของอีลอน มัสก์ ตลอดก็จะมีข่าวเม้าส์ ซุบซิบให้ได้ติดตามกันเป็นประจำไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องรถของเค้า
เอาจริงๆ Tesla ก็อยากขับนะแต่อยากรอดูไปซักพักก่อนว่าพอเข้าไทยแล้วการบริการยังไง มีปัญหาอะไรระยะยาวมั้ย เพราะส่วนตัวแฮปปี้กับบริการของค่าย Benz กับ BMW มากกว่าแต่รถยนต์ไฮบริจด์นี่ที่บ้านใช้ BMW ดีลเลอร์อมร เพรสทีจนะ ติดใจบริการอลังการของเค้าอยู่
แต่ก็เข้าใจว่าการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 100% (EV) จริงๆคงต้องมีปัจจัยที่ต้องคำนึงกันอีกมากเพราะรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% นั้น ไม่เหมือน Plug-in Hybrid ที่ไม่ต้องกังวลไปกับการต้องชาร์จไฟเพราะหากไฟฟ้าที่เติมมานั้นใกล้จะหมด ก็ปรับไปเป็นระบบน้ำมันได้ทันที แน่นอนว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100%นั้นการชาร์จไฟต้องคำนวณกันอย่างดี และระบบของรถต้องมีความเสถียรอย่างมาก เพราะเทคโนโลยีสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นถือเป็นเรื่องที่ใหม่
ทุกอย่างเลยเหมือนอยู่ในขั้นการทดลอง แต่เงินที่จะลงทุนในการทดลองนั้นก็สูงเหลือเกิน
ความมั่นใจของผู้บริโภคเลยต้องมาอันดับหนึ่ง เพราะถ้าตามข่าวกันดีๆ ยังคงมีข่าวเรื่องความไม่ปลอดภัย ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น การเกิดเหตุการณ์พวงมาลัยหลุด ของเจ้ารถ Tesla Model Y และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นเพราะ ในปี2022 Tesla Model 3 ก็ได้เกิดเหตุการณ์พวงมาลัยหลุดมาแล้วเช่นกัน
...ส่วนเจ้าไฮบริจด์ของเราก็เคยผ่านน้ำท่วม กทม.และดับกลางถนนมาแล้ว โอเคซึ้งเลยกับระบบไฟฟ้าแต่ก็ใช่ว่าจะเข็ดนะ ยังรักอยู่เพราะข้อดีมันเยอะกว่ามากกก ^^
ข้อดีและข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้านั้นก็มีดีต่างกัน เราเลยลองสรุปเล่นๆจากความเห็นส่วนตัว
ข้อดี
เป็นมิตรกับโลกใบนี้ ลดเจ้าฝุ่น5 ด้วยนะ
ลดค่าใช้จ่ายอย่างมากเพราะน้ำมันนั้นแพงกว่าค่าไฟฟ้าอยู่แล้ว
เสียงเครื่องยนต์เงียบกริบ ไม่ส่งเสียงรบกวน
ไม่ต้องดูแล maintenance มาก ตัดปัญหาเรื่องจุกจิกไปได้เยอะ
ข้อเสีย
จุดบริการชาร์จไฟฟ้าไม่ได้มีมากเหมือนปั๊มน้ำมันที่มีทั่วทุกแห่ง
ใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 6-8 ชั่วโมง เท่ากับขับระยะไกลนี่อาจจะต้องแวะนอนกลางทาง
ถ้ารถมีปัญหารถยนต์ระบบไฟฟ้าจะหยุดการทำงานทั้งหมดทันทีต้องเรียกศูนย์อย่างเดียว
การซ่อม-เปลี่ยนอะไหล่ราคาสูง
ยังไงก็ตามสำหรับเรา ผู้ที่ใช้ Plug-in Hybrid ของค่าย BMW มาก่อนพูดได้เต็มปากเลยว่า มันประหยัดแบบสุดๆ และการซ่อมบำรุงนั้นแสนจะง่ายและมีการการันตีจากศูนย์บริการทำให้เรามั่นใจในการกระโดดจากรถน้ำมันมาสู่รถกึ่งไฟฟ้าในตอนนั้น และเพิ่งได้มีโอกาสเข้าไป Test drive BMW iX3 รถไฟฟ้า 100% ที่ศูนย์ BMW Amorn Prestige เราใช้บริการแบบให้ทางอมรส่งรถมาให้ทดลองขับถึงบ้าน มาพร้อมกับน้องจีเนียสที่คอยตอบปัญหาของเราได้ ซึ่งรถรุ่นนี้ชาร์จ 1 ครั้ง ขับได้ไกลถึง460 กิโลเมตร ปรับได้ทั้งแบบ Eco และ Sport อัตราสิ้นเปลืองก็ตามที่ทราบกัน ขับเร็วหน่อยอาจจะไม่ได้ 460 กิโลเมตรแบบที่เค้าการันตี การออกตัวยังดีเสมอสำหรับBMW เงียบนุ่มแต่รวดเร็วอันนี้ยังคงได้มาตรฐานเสมอ มาด้วยช่องเสียบชาร์จไฟฟ้าแบบ CCS2 แถมสามารถชาร์จได้เฉพาะหัว AC สะดวกมากสำหรับข้อนี้ และแน่นอนว่าหลังจากป้ายยาตัวเองเรียบร้อยแล้วเราคงเป็นอีกหนึ่งคนที่จะเขยิบมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่างเต็มตัวซักที
ชอบความห้องโดยสารที่โปร่งหลังคาสูงและมีพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างใหญ่ไพศาลเราว่า BMW iX3 นี่เหมาะจะเป็นรถครอบครัว รถสาวโสดเพื่อนเยอะ หรือคนชอบออกเที่ยวต่างจังหวัดเลยนะ ราคาเปิดตัว 3.49 ล้าน ส่วนโปรโมชั่นต่างๆก็แล้วแต่น้องเซล์ลเค้าจะจัดให้แล้วกัน แอบกระซิบว่า
พี่ลูกค้าเก่าน้าๆๆ (ต่อรองเหมือนจะซื้อเลยอ่ะ)
ส่วน Tesla อาจจะอยากรอดูคนไทยใช้กันเยอะๆ ซัก 2-3 ปีก่อนว่าเจอปัญหาอะไรมั้ยค่อยเอามาเทียบกันอีกที คือเราว่าสมัยนี้คนซื้อรถยุโรปที่มี BSI ให้การเปลี่ยนรถใหม่บ่อยๆ คำนวณดีๆคุ้มอยู่นะ อารมณ์เหมือนเช่ารถขับแต่ได้เปลี่ยนเรื่อยๆ เพราะสำหรับคนที่ขับอย่างเดียวแบบเราถ้ามีศูนย์บริการดีๆรองรับ ต่อให้เป็นรถไฟฟ้า 100% ก็อยากใช้อ่ะ
สาวก Tesla กับ BMW มาขายของกันหน่อยๆ 555
เอาจริงๆ Tesla ก็อยากขับนะแต่อยากรอดูไปซักพักก่อนว่าพอเข้าไทยแล้วการบริการยังไง มีปัญหาอะไรระยะยาวมั้ย เพราะส่วนตัวแฮปปี้กับบริการของค่าย Benz กับ BMW มากกว่าแต่รถยนต์ไฮบริจด์นี่ที่บ้านใช้ BMW ดีลเลอร์อมร เพรสทีจนะ ติดใจบริการอลังการของเค้าอยู่
แต่ก็เข้าใจว่าการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 100% (EV) จริงๆคงต้องมีปัจจัยที่ต้องคำนึงกันอีกมากเพราะรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% นั้น ไม่เหมือน Plug-in Hybrid ที่ไม่ต้องกังวลไปกับการต้องชาร์จไฟเพราะหากไฟฟ้าที่เติมมานั้นใกล้จะหมด ก็ปรับไปเป็นระบบน้ำมันได้ทันที แน่นอนว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100%นั้นการชาร์จไฟต้องคำนวณกันอย่างดี และระบบของรถต้องมีความเสถียรอย่างมาก เพราะเทคโนโลยีสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นถือเป็นเรื่องที่ใหม่
ทุกอย่างเลยเหมือนอยู่ในขั้นการทดลอง แต่เงินที่จะลงทุนในการทดลองนั้นก็สูงเหลือเกิน
ความมั่นใจของผู้บริโภคเลยต้องมาอันดับหนึ่ง เพราะถ้าตามข่าวกันดีๆ ยังคงมีข่าวเรื่องความไม่ปลอดภัย ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น การเกิดเหตุการณ์พวงมาลัยหลุด ของเจ้ารถ Tesla Model Y และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นเพราะ ในปี2022 Tesla Model 3 ก็ได้เกิดเหตุการณ์พวงมาลัยหลุดมาแล้วเช่นกัน
...ส่วนเจ้าไฮบริจด์ของเราก็เคยผ่านน้ำท่วม กทม.และดับกลางถนนมาแล้ว โอเคซึ้งเลยกับระบบไฟฟ้าแต่ก็ใช่ว่าจะเข็ดนะ ยังรักอยู่เพราะข้อดีมันเยอะกว่ามากกก ^^
ข้อดีและข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้านั้นก็มีดีต่างกัน เราเลยลองสรุปเล่นๆจากความเห็นส่วนตัว
ข้อดี
เป็นมิตรกับโลกใบนี้ ลดเจ้าฝุ่น5 ด้วยนะ
ลดค่าใช้จ่ายอย่างมากเพราะน้ำมันนั้นแพงกว่าค่าไฟฟ้าอยู่แล้ว
เสียงเครื่องยนต์เงียบกริบ ไม่ส่งเสียงรบกวน
ไม่ต้องดูแล maintenance มาก ตัดปัญหาเรื่องจุกจิกไปได้เยอะ
ข้อเสีย
จุดบริการชาร์จไฟฟ้าไม่ได้มีมากเหมือนปั๊มน้ำมันที่มีทั่วทุกแห่ง
ใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 6-8 ชั่วโมง เท่ากับขับระยะไกลนี่อาจจะต้องแวะนอนกลางทาง
ถ้ารถมีปัญหารถยนต์ระบบไฟฟ้าจะหยุดการทำงานทั้งหมดทันทีต้องเรียกศูนย์อย่างเดียว
การซ่อม-เปลี่ยนอะไหล่ราคาสูง
ยังไงก็ตามสำหรับเรา ผู้ที่ใช้ Plug-in Hybrid ของค่าย BMW มาก่อนพูดได้เต็มปากเลยว่า มันประหยัดแบบสุดๆ และการซ่อมบำรุงนั้นแสนจะง่ายและมีการการันตีจากศูนย์บริการทำให้เรามั่นใจในการกระโดดจากรถน้ำมันมาสู่รถกึ่งไฟฟ้าในตอนนั้น และเพิ่งได้มีโอกาสเข้าไป Test drive BMW iX3 รถไฟฟ้า 100% ที่ศูนย์ BMW Amorn Prestige เราใช้บริการแบบให้ทางอมรส่งรถมาให้ทดลองขับถึงบ้าน มาพร้อมกับน้องจีเนียสที่คอยตอบปัญหาของเราได้ ซึ่งรถรุ่นนี้ชาร์จ 1 ครั้ง ขับได้ไกลถึง460 กิโลเมตร ปรับได้ทั้งแบบ Eco และ Sport อัตราสิ้นเปลืองก็ตามที่ทราบกัน ขับเร็วหน่อยอาจจะไม่ได้ 460 กิโลเมตรแบบที่เค้าการันตี การออกตัวยังดีเสมอสำหรับBMW เงียบนุ่มแต่รวดเร็วอันนี้ยังคงได้มาตรฐานเสมอ มาด้วยช่องเสียบชาร์จไฟฟ้าแบบ CCS2 แถมสามารถชาร์จได้เฉพาะหัว AC สะดวกมากสำหรับข้อนี้ และแน่นอนว่าหลังจากป้ายยาตัวเองเรียบร้อยแล้วเราคงเป็นอีกหนึ่งคนที่จะเขยิบมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่างเต็มตัวซักที
ชอบความห้องโดยสารที่โปร่งหลังคาสูงและมีพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างใหญ่ไพศาลเราว่า BMW iX3 นี่เหมาะจะเป็นรถครอบครัว รถสาวโสดเพื่อนเยอะ หรือคนชอบออกเที่ยวต่างจังหวัดเลยนะ ราคาเปิดตัว 3.49 ล้าน ส่วนโปรโมชั่นต่างๆก็แล้วแต่น้องเซล์ลเค้าจะจัดให้แล้วกัน แอบกระซิบว่า
พี่ลูกค้าเก่าน้าๆๆ (ต่อรองเหมือนจะซื้อเลยอ่ะ)
ส่วน Tesla อาจจะอยากรอดูคนไทยใช้กันเยอะๆ ซัก 2-3 ปีก่อนว่าเจอปัญหาอะไรมั้ยค่อยเอามาเทียบกันอีกที คือเราว่าสมัยนี้คนซื้อรถยุโรปที่มี BSI ให้การเปลี่ยนรถใหม่บ่อยๆ คำนวณดีๆคุ้มอยู่นะ อารมณ์เหมือนเช่ารถขับแต่ได้เปลี่ยนเรื่อยๆ เพราะสำหรับคนที่ขับอย่างเดียวแบบเราถ้ามีศูนย์บริการดีๆรองรับ ต่อให้เป็นรถไฟฟ้า 100% ก็อยากใช้อ่ะ
สาวก Tesla กับ BMW มาขายของกันหน่อยๆ 555
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย MacOS
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google