เป๊ก พาท่องไปในพื้นที่ที่เป็นสมุดบันทึกเรื่องราว และ Chapter ต่อไปในชีวิตก็อยากมีเหล่าผีเสื้อเกาะกุมกันไป
6 เม.ย. 66 03:43 น. /
ดู 6,537 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
hashtag:
#เป๊กผลิตโชค
ตั้งแต่ออกเพลงใหม่ ศิลปินหนุ่มผู้ที่นุชรักและคิดถึงที่สุดก็กลับมาเดินสายออกสื่อออกงานแล้ว
รวมถึงได้ไปออกรายการต่างๆ ด้วย หนึ่งในนั้นคือการไปพูดคุยรีแคปช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตอย่าง On That Day
ที่ได้ฟังแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนุชถึงรักเป๊กกี้มากมายที่สุดในโลกชีวิตจักรวาลบอโร่วตอเซ่สวิชดาวน์เซเว่นโอทู
เริ่มด้วยการพาไปสำรวจไอจีที่พิธีกรทักว่าช่วงหลังๆ เหมือนจะลงรูปน้อยลงจากแต่ก่อน
เพราะว่า หลังๆ มาเหมือนต้องลงรูปขายของด้วย ซึ่งไม่เหมือนแต่ก่อนที่จะมองว่า IG เป็นเหมือนไดอารี่
ที่ได้ลงเรื่องราวไว้ย้ำเตือนว่าเราอยู่ที่ไหนทำอะไรกับใคร ก็คิดอยู่ตอนหลังว่าทำไมเราไม่ลงรูปเหมือนแต่ก่อน
ซึ่งพอต้องมาขายของด้วยมันก็คือสิ่งที่เราเลือกเองในการทำงานตรงนี้ แต่ก็พยายามผสมไลฟ์สไตล์เข้าไป และหลังๆ
กว่าจะลงรูปแต่ละรูปก็กลายเป็นคนคิดมากไปเลย ว่าคนจะชอบภาพของเราไหม จะดูว่าภาพนี้เว่อร์ไปรึเปล่า
ยิ่งหลังๆ มีเด็กตามเราเยอะ และด้วยการร่วมงานกับ Unicef ก็ดูจะมีความคาดหวัง ซึ่งปกติ IG ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเล่นแต่ก็มีกลับไปดูบ้างว่าเราอยู่กับใครมีความสุขกับใคร แต่ก็ไม่ได้เอามาเปรียบเทียบกับปัจจุบัน
ย้อนกลับไปเลื่อนดูรูปแรกๆ ในไอจีที่ภูเก็ตกับแคปชั่น I'm Tomorrow
ที่ตั้งแคปชั่นนี้ก็เพราะว่า ชอบคำว่า Tomorrow มาตั้งแต่เด็กๆ เหมือนทุกคนมี Tomorrow มีวันพรุ่งนี้เสมอ
แต่ถ้าถามว่าคิดถึงคำไหนมากกว่ากันระหว่าง Yesterday กับ Tomorrow Yesterday คือผ่านมาแล้วทำไรไม่ได้
แต่ Tomorrow คือที่เราควรจะคิดถึง
ขยับมารูปที่เป็นเซ็ตช่วงปี 2011-2014 เฮียเขาก็อธิบายว่า เป็นช่วงเวลาวัยรุ่นไม่ได้คิดอะไรมากเลยเป็นพื้นที่ของเรา แต่คิดว่าน่าจะมีภาพคูลๆ หน่อย ก็จะมีฟิลเตอร์นิดนึง ช่วงเวลาที่มีความสุขช่วงนั้นก็คือการได้รินเครื่องดื่มในแก้วให้เพื่อน มันไม่ต้องคิดอะไร
ส่วนรูปที่ลงกับเพื่อนๆ ศิลปิน ผลิตก็รำลึกถึงช่วงนั้นว่า ก็ฝ่าฟันอะไรด้วยกันมาเยอะ
แบบบางทีไปออนทัวร์ต่างจังหวัดด้วยกัน เคยแบบเจอมีคนมาดูไม่ถึง 10 คนทั้งที่ใกล้จะตีสองแล้ว
ก็มีคุยกันกับเพื่อนๆ ว่าจะยกเลิกดีไหม แต่มาถึงขนาดนี้เสียค่าเครื่องบินแต่งหน้าทำผมมาแล้ว ก็ลุยกัน
และจากนั้นก็ให้กำลังใจกัน ว่าเออจังหวัดหน้าเอาใหม่ และจากวันนั้นมาจนวันนี้ ทั้ง เป๊ก แพรว เบล
ก็ประสบความสำเร็จกันหมดแล้ว มันก็คุ้มค่ากับความตั้งใจ
มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญกับภาพการเป็นหน้ากากจิงโจ้ที่งานนี้พิธีกรให้พูดถึงความรู้สึกที่เด้งขึ้นมาหลังจากเห็นภาพนี้
เจ้าตัวบอก เหมือนไม่ได้ไปประกวด เหมือนไปร้องเพลงให้ทุกคนฟัง ไม่ได้คิดว่าเราต้องชนะ แค่ไปถ่ายทอดความหมาย
ดีดีในบทเพลง หลายคนอาจยังไม่ทราบ จิงโจ้จริงๆ ไม่ใช่ชุดนี้ มันเป็นอีกชุดนึง เหมือนมาสคอตที่ดรีมเวิล์ด แต่งตัวสีสันมีขนปุกปุย แต่เราขอเปลี่ยนไม่ต้องแหววมาก ก็มาเป็นชุดนี้ โมเมนต์วันแรกตอนใส่ชุดนี้ก็จำได้ มันไม่อึดอัดรู้สึก Comfortable ส่วนตอนถอดมันไม่เหมือนตอนใส่ อยากใส่เข้าไปเหมือนเดิม เพราะตอนใส่รู้สึกทุกคนชอบจิงโ้จ้มากเชียร์จิงโจ้สุดๆ พอถอดก็ไม่รู้คนจะชอบเหมือนเดิมรึเปล่า กระแสมาเยอะมากตอนนั้น พูดไม่ชัด ร้องเพลงไม่เพราะ ศัลยกรรม ก็แบบอะไรกันนักกันหนา ทำไมตอนใส่ไม่เห็นมีไรเลยอะ พอถอดปุ๊บทุกอย่างมา คงอีกแล้วสิเนอะสิบปีที่ผ่านมาที่เราโดนเรื่องราวอะไรมา เราก็มีภูมิต้านทานแบบใครจะพูดไรก็ช่าง แต่ลึกๆ ในใจมันก็มีอยู่แล้วบางทีเรื่องราวมันเกินจะรับได้ ก็คงต้องชมตัวเองเหมือนกัน ที่อยู่มาถึงทุกวันนี้ได้ทั้งที่คนไม่โอเคกับเราเยอะๆ ก็เก่ง
ถ้าให้คิดเล่นๆ ว่าหน้ากากจิงโจ้เพื่อนรักเขาอยากจะบอกอะไรด้วย
ผลิตก็คิดว่า จิงโจ้คงบอก เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ปลดปล่อยเราให้เรามีความมั่นใจขึ้นมาเอง เขามอบพลังให้เราได้ทำสิ่งนั้นด้วยตัวเอง เขาไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไร เป็นยูเองเลยที่ทำ
หลังจากนั้นก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์ห้างแตกและเกิดเป็นเหล่านุชที่ตามซัปพอร์ตกันมาจะเข้าปีที่ 6 แล้ว
แต่เหตุการณ์สำคัญที่จำให้เป๊กนึกถึงอยู่เสมอคือ การไปออกงานครั้งแรกที่สยามพารากอนที่คนมาเยอะมาก
ตอนแรกไม่รู้ตัวว่าเขามาหาเรา เพราะมันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ พอถึงคิวที่ไปร้องเพลงทุกคนเรียกหาเราจิงโจ้
ก็แบบนี่ความจริงเหรอหรือความฝัน เหมือนทุกคนพร้อมให้กำลังใจเราลุกขึ้นสู้ในบทบาทของ เป๊ก ผลิตโชค
จากตอนแรกที่จะถอดใจไปแล้ว เหมือนเขาอยากให้เราอยู่ตรงนี้ไปอีกครั้งนึง อยากจะขอบคุณแฟนๆ กลุ่มนั้นมากๆ
ที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้วันนี้
และอยากขอบคุณแฟนคลับที่ตัวเขาเปรียบเป็น ผีเสื้อ ว่า อยากขอบคุณที่เป็นแรงซัปพอร์ตให้เรา อยากให้ผีเสื้อมาเกาะเรามาทัชเรา มันน่าสนุกดีเหมือนกันนะ ถ้าเราได้เดินทางไปด้วยกันใน Chapter ต่อไปของชีวิต
ซึ่งตอนนี้ก็เป็น Chapter ของการคัมแบ็กออกผลงานเพลงใหม่ Touch My Body
ที่เพลงนี้เหมือนจะเป็นเพลงที่ร้องยากสุดของผลิตโชคเลยและเจ้าตัวเป็นคนดีไซน์การร้องให้รับไปกับเมโลดี้ด้วย
แต่พอพิธีกรถาม ทำไมต้องดีไซน์การร้องให้มันยากขนาดนั้น คำตอบของคุณเขาจิงโจ้ต้องภูมิใจ ถ้าไม่ยากก็ไม่ใช่เรา
และมีได้ย้อนกลับไปดูแคปชั่นในไอจีที่เหมือนเป็นวลีบ่งบอกมูดของคุณเขาในช่วงเวลานั้นๆ อย่าง
Like to be alone, but hate being lonely เหมือนตอนเราอยู่ข้างนอก
เราอยู่ในแสงสี พอกลับถึงบ้านกลายเป็นขาวดำ หรือ It get worse at night when i'm alone
ตอนกลางคืนจะเหงาเพราะติดเป็นคนที่ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา พอไม่มีแล้วต้องอยู่คนเดียวก็แย่หน่อย
ซึ่งตอนนี้กำลังรีบกู้กลับให้เร็วที่สุดไม่ว่าจะทางไหน ทั้งเพื่อนๆ พี่ๆ ที่จะฉุดขึ้นมาไม่ว่าทางไหน แต่ก็ยังไม่จับมือใคร
เลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คิดว่าน่าจะมีแล้วก็กำลังปีนขึ้นมาสดใสให้เหมือนเดิม เพื่อกลับมาทำเพลงเพราะคิดถึงแฟนๆ
การมอบพลังบวกให้แฟนๆ ได้เหมือนเดิม แต่ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่จับมือ เพราะ Love to be alone อยู่ บางทีชอบคิดมาก
บางทีอยู่ในหลุมแล้วมันเซฟที่ๆ สงบของเรา ได้พักจริงๆ และยังมี Talking to the moon เป็นคนชอบพระจันทร์
มีรอยสักพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ต้นแขนด้วย ถ้าคุยกับพระจันทร์ได้ ก็ส่งใครมายื่นมือหน่อยสิ เพราะว่าช่วงนี้ตัวหนัก
คนเดียวไม่ไหว 😂 ขออีกๆ ได้ไหม เราจะได้กลับมีพลังสดใสร่าเริง
แล้วแคปชั่นนี่ก็คือจริงมาก Try to be a rainbow in someone's cloud
เฮียเขาบอกว่า เราควรเป็นตัวเองการไปเป็น rainbow ให้ใครสักคนเขาชื่นชอบเราก็เป็นเรื่องยาก
ตอนนั้นอาจจะคิดไปเรื่อยเปื่อย ถ้าพยายามมากเกินไปแล้วมันไม่ใช่ อีกความคิดนึงในขณะนั้น
คงอยากทำให้ทุกคนพอใจภูมิใจในตัวเรา
หรืออย่าง I wish I could be a better me for you ก็เกิดจากการ คิดทบทวนว่าเราเหมาะกับในจุดที่อยู่รึเปล่า
เกียรติต่างๆ ที่ได้รับมันเหมาะกับเราแล้วไหม แบบเราสามารถทำมันได้ดีกว่านี้ไหม
ส่วนภาพแคปชั่นทำนองนี้ I'm fine, don't worry, everything is ok.
ก็ตรงตามที่สื่อเลย บางทีคนเรามันก็ต้องมีอะไรกระทบกระเทือนจิตใจบ้าง หรือว่ามีอารมณ์ไม่อยากโพสต์อะไรเลย
ขออยู่นิ่งๆ แต่ IG ของผมก็คือ Diary ของผม ที่ผมทำมาตั้งแต่กี่ปีแล้วก็ไม่รู้ ก็ตั้งใจจะให้สมุดไดอารี่เล่มนี้ยังเป็นของผมอยู่ ผมก็จะยัดความเป็นตัวเองใส่ๆ เข้าไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียความ Unique ของ IG ของผม มันได้ Express ด้วยคำพูดที่ไม่ต้องเยอะมันอึกแล้วมันเข้าใจ
ช่วงท้ายให้จินตนาการภาพในอนาคตที่อยากให้เกิดขึ้น คนรักบีชอย่างเฮีย
ก็ต้องปักหมุดที่ทะเล แต่ตอบติดตลกว่า เป็นเรกเก้เป็น Homeless แต่มีหาดเผาปลากิน XD
#เป๊กผลิตโชค
รวมถึงได้ไปออกรายการต่างๆ ด้วย หนึ่งในนั้นคือการไปพูดคุยรีแคปช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตอย่าง On That Day
ที่ได้ฟังแล้วไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนุชถึงรักเป๊กกี้มากมายที่สุดในโลกชีวิตจักรวาลบอโร่วตอเซ่สวิชดาวน์เซเว่นโอทู
เพราะว่า หลังๆ มาเหมือนต้องลงรูปขายของด้วย ซึ่งไม่เหมือนแต่ก่อนที่จะมองว่า IG เป็นเหมือนไดอารี่
ที่ได้ลงเรื่องราวไว้ย้ำเตือนว่าเราอยู่ที่ไหนทำอะไรกับใคร ก็คิดอยู่ตอนหลังว่าทำไมเราไม่ลงรูปเหมือนแต่ก่อน
ซึ่งพอต้องมาขายของด้วยมันก็คือสิ่งที่เราเลือกเองในการทำงานตรงนี้ แต่ก็พยายามผสมไลฟ์สไตล์เข้าไป และหลังๆ
กว่าจะลงรูปแต่ละรูปก็กลายเป็นคนคิดมากไปเลย ว่าคนจะชอบภาพของเราไหม จะดูว่าภาพนี้เว่อร์ไปรึเปล่า
ยิ่งหลังๆ มีเด็กตามเราเยอะ และด้วยการร่วมงานกับ Unicef ก็ดูจะมีความคาดหวัง ซึ่งปกติ IG ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเล่นแต่ก็มีกลับไปดูบ้างว่าเราอยู่กับใครมีความสุขกับใคร แต่ก็ไม่ได้เอามาเปรียบเทียบกับปัจจุบัน
ย้อนกลับไปเลื่อนดูรูปแรกๆ ในไอจีที่ภูเก็ตกับแคปชั่น I'm Tomorrow
ที่ตั้งแคปชั่นนี้ก็เพราะว่า ชอบคำว่า Tomorrow มาตั้งแต่เด็กๆ เหมือนทุกคนมี Tomorrow มีวันพรุ่งนี้เสมอ
แต่ถ้าถามว่าคิดถึงคำไหนมากกว่ากันระหว่าง Yesterday กับ Tomorrow Yesterday คือผ่านมาแล้วทำไรไม่ได้
แต่ Tomorrow คือที่เราควรจะคิดถึง
ขยับมารูปที่เป็นเซ็ตช่วงปี 2011-2014 เฮียเขาก็อธิบายว่า เป็นช่วงเวลาวัยรุ่นไม่ได้คิดอะไรมากเลยเป็นพื้นที่ของเรา แต่คิดว่าน่าจะมีภาพคูลๆ หน่อย ก็จะมีฟิลเตอร์นิดนึง ช่วงเวลาที่มีความสุขช่วงนั้นก็คือการได้รินเครื่องดื่มในแก้วให้เพื่อน มันไม่ต้องคิดอะไร
ส่วนรูปที่ลงกับเพื่อนๆ ศิลปิน ผลิตก็รำลึกถึงช่วงนั้นว่า ก็ฝ่าฟันอะไรด้วยกันมาเยอะ
แบบบางทีไปออนทัวร์ต่างจังหวัดด้วยกัน เคยแบบเจอมีคนมาดูไม่ถึง 10 คนทั้งที่ใกล้จะตีสองแล้ว
ก็มีคุยกันกับเพื่อนๆ ว่าจะยกเลิกดีไหม แต่มาถึงขนาดนี้เสียค่าเครื่องบินแต่งหน้าทำผมมาแล้ว ก็ลุยกัน
และจากนั้นก็ให้กำลังใจกัน ว่าเออจังหวัดหน้าเอาใหม่ และจากวันนั้นมาจนวันนี้ ทั้ง เป๊ก แพรว เบล
ก็ประสบความสำเร็จกันหมดแล้ว มันก็คุ้มค่ากับความตั้งใจ
มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญกับภาพการเป็นหน้ากากจิงโจ้ที่งานนี้พิธีกรให้พูดถึงความรู้สึกที่เด้งขึ้นมาหลังจากเห็นภาพนี้
เจ้าตัวบอก เหมือนไม่ได้ไปประกวด เหมือนไปร้องเพลงให้ทุกคนฟัง ไม่ได้คิดว่าเราต้องชนะ แค่ไปถ่ายทอดความหมาย
ดีดีในบทเพลง หลายคนอาจยังไม่ทราบ จิงโจ้จริงๆ ไม่ใช่ชุดนี้ มันเป็นอีกชุดนึง เหมือนมาสคอตที่ดรีมเวิล์ด แต่งตัวสีสันมีขนปุกปุย แต่เราขอเปลี่ยนไม่ต้องแหววมาก ก็มาเป็นชุดนี้ โมเมนต์วันแรกตอนใส่ชุดนี้ก็จำได้ มันไม่อึดอัดรู้สึก Comfortable ส่วนตอนถอดมันไม่เหมือนตอนใส่ อยากใส่เข้าไปเหมือนเดิม เพราะตอนใส่รู้สึกทุกคนชอบจิงโ้จ้มากเชียร์จิงโจ้สุดๆ พอถอดก็ไม่รู้คนจะชอบเหมือนเดิมรึเปล่า กระแสมาเยอะมากตอนนั้น พูดไม่ชัด ร้องเพลงไม่เพราะ ศัลยกรรม ก็แบบอะไรกันนักกันหนา ทำไมตอนใส่ไม่เห็นมีไรเลยอะ พอถอดปุ๊บทุกอย่างมา คงอีกแล้วสิเนอะสิบปีที่ผ่านมาที่เราโดนเรื่องราวอะไรมา เราก็มีภูมิต้านทานแบบใครจะพูดไรก็ช่าง แต่ลึกๆ ในใจมันก็มีอยู่แล้วบางทีเรื่องราวมันเกินจะรับได้ ก็คงต้องชมตัวเองเหมือนกัน ที่อยู่มาถึงทุกวันนี้ได้ทั้งที่คนไม่โอเคกับเราเยอะๆ ก็เก่ง
ถ้าให้คิดเล่นๆ ว่าหน้ากากจิงโจ้เพื่อนรักเขาอยากจะบอกอะไรด้วย
ผลิตก็คิดว่า จิงโจ้คงบอก เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ปลดปล่อยเราให้เรามีความมั่นใจขึ้นมาเอง เขามอบพลังให้เราได้ทำสิ่งนั้นด้วยตัวเอง เขาไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไร เป็นยูเองเลยที่ทำ
หลังจากนั้นก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์ห้างแตกและเกิดเป็นเหล่านุชที่ตามซัปพอร์ตกันมาจะเข้าปีที่ 6 แล้ว
แต่เหตุการณ์สำคัญที่จำให้เป๊กนึกถึงอยู่เสมอคือ การไปออกงานครั้งแรกที่สยามพารากอนที่คนมาเยอะมาก
ตอนแรกไม่รู้ตัวว่าเขามาหาเรา เพราะมันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ พอถึงคิวที่ไปร้องเพลงทุกคนเรียกหาเราจิงโจ้
ก็แบบนี่ความจริงเหรอหรือความฝัน เหมือนทุกคนพร้อมให้กำลังใจเราลุกขึ้นสู้ในบทบาทของ เป๊ก ผลิตโชค
จากตอนแรกที่จะถอดใจไปแล้ว เหมือนเขาอยากให้เราอยู่ตรงนี้ไปอีกครั้งนึง อยากจะขอบคุณแฟนๆ กลุ่มนั้นมากๆ
ที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้วันนี้
และอยากขอบคุณแฟนคลับที่ตัวเขาเปรียบเป็น ผีเสื้อ ว่า อยากขอบคุณที่เป็นแรงซัปพอร์ตให้เรา อยากให้ผีเสื้อมาเกาะเรามาทัชเรา มันน่าสนุกดีเหมือนกันนะ ถ้าเราได้เดินทางไปด้วยกันใน Chapter ต่อไปของชีวิต
ซึ่งตอนนี้ก็เป็น Chapter ของการคัมแบ็กออกผลงานเพลงใหม่ Touch My Body
ที่เพลงนี้เหมือนจะเป็นเพลงที่ร้องยากสุดของผลิตโชคเลยและเจ้าตัวเป็นคนดีไซน์การร้องให้รับไปกับเมโลดี้ด้วย
แต่พอพิธีกรถาม ทำไมต้องดีไซน์การร้องให้มันยากขนาดนั้น คำตอบของคุณเขาจิงโจ้ต้องภูมิใจ ถ้าไม่ยากก็ไม่ใช่เรา
และมีได้ย้อนกลับไปดูแคปชั่นในไอจีที่เหมือนเป็นวลีบ่งบอกมูดของคุณเขาในช่วงเวลานั้นๆ อย่าง
Like to be alone, but hate being lonely เหมือนตอนเราอยู่ข้างนอก
เราอยู่ในแสงสี พอกลับถึงบ้านกลายเป็นขาวดำ หรือ It get worse at night when i'm alone
ตอนกลางคืนจะเหงาเพราะติดเป็นคนที่ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา พอไม่มีแล้วต้องอยู่คนเดียวก็แย่หน่อย
ซึ่งตอนนี้กำลังรีบกู้กลับให้เร็วที่สุดไม่ว่าจะทางไหน ทั้งเพื่อนๆ พี่ๆ ที่จะฉุดขึ้นมาไม่ว่าทางไหน แต่ก็ยังไม่จับมือใคร
เลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คิดว่าน่าจะมีแล้วก็กำลังปีนขึ้นมาสดใสให้เหมือนเดิม เพื่อกลับมาทำเพลงเพราะคิดถึงแฟนๆ
การมอบพลังบวกให้แฟนๆ ได้เหมือนเดิม แต่ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่จับมือ เพราะ Love to be alone อยู่ บางทีชอบคิดมาก
บางทีอยู่ในหลุมแล้วมันเซฟที่ๆ สงบของเรา ได้พักจริงๆ และยังมี Talking to the moon เป็นคนชอบพระจันทร์
มีรอยสักพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ต้นแขนด้วย ถ้าคุยกับพระจันทร์ได้ ก็ส่งใครมายื่นมือหน่อยสิ เพราะว่าช่วงนี้ตัวหนัก
คนเดียวไม่ไหว 😂 ขออีกๆ ได้ไหม เราจะได้กลับมีพลังสดใสร่าเริง
แล้วแคปชั่นนี่ก็คือจริงมาก Try to be a rainbow in someone's cloud
เฮียเขาบอกว่า เราควรเป็นตัวเองการไปเป็น rainbow ให้ใครสักคนเขาชื่นชอบเราก็เป็นเรื่องยาก
ตอนนั้นอาจจะคิดไปเรื่อยเปื่อย ถ้าพยายามมากเกินไปแล้วมันไม่ใช่ อีกความคิดนึงในขณะนั้น
คงอยากทำให้ทุกคนพอใจภูมิใจในตัวเรา
หรืออย่าง I wish I could be a better me for you ก็เกิดจากการ คิดทบทวนว่าเราเหมาะกับในจุดที่อยู่รึเปล่า
เกียรติต่างๆ ที่ได้รับมันเหมาะกับเราแล้วไหม แบบเราสามารถทำมันได้ดีกว่านี้ไหม
ส่วนภาพแคปชั่นทำนองนี้ I'm fine, don't worry, everything is ok.
ก็ตรงตามที่สื่อเลย บางทีคนเรามันก็ต้องมีอะไรกระทบกระเทือนจิตใจบ้าง หรือว่ามีอารมณ์ไม่อยากโพสต์อะไรเลย
ขออยู่นิ่งๆ แต่ IG ของผมก็คือ Diary ของผม ที่ผมทำมาตั้งแต่กี่ปีแล้วก็ไม่รู้ ก็ตั้งใจจะให้สมุดไดอารี่เล่มนี้ยังเป็นของผมอยู่ ผมก็จะยัดความเป็นตัวเองใส่ๆ เข้าไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียความ Unique ของ IG ของผม มันได้ Express ด้วยคำพูดที่ไม่ต้องเยอะมันอึกแล้วมันเข้าใจ
ช่วงท้ายให้จินตนาการภาพในอนาคตที่อยากให้เกิดขึ้น คนรักบีชอย่างเฮีย
ก็ต้องปักหมุดที่ทะเล แต่ตอบติดตลกว่า เป็นเรกเก้เป็น Homeless แต่มีหาดเผาปลากิน XD
#เป๊กผลิตโชค
ขอบคุณภาพและคลิปจาก
YT: THE STANDARD POP
แก้ไขล่าสุด 19 พ.ค. 66 07:15 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google