รถยนต์ไฟฟ้า(EV) เทรนของโลกยุคใหม่จะเลือกค่ายไหนดีระหว่าง BMW กับ Tesla?

17 เม.ย. 66 21:12 น. / ดู 1,675 ครั้ง / 2 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
ในช่วงที่ผ่านมาพูดได้เลยว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็นที่นิยมและมาแรงเหลือเกิน เพราะการใช้พลังงานสะอาดนั้นพิสูจน์แล้วว่าส่งผลดีต่อโลกของเราอย่างมาก ทำให้เหล่าค่ายรถต่างๆ หันมาทำรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น BMW ที่โด่งดังมากในการผู้นำรถยนต์ Plug-in Hybrid� ที่บอกเลยว่าน่าจะเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำตลาดในไทยได้เป็นอย่างดี น่าจะเป็นเพราะความพร้อมของศูนย์บริการที่มีมากในประเทศไทย และนวัตกรรมที่ BMW ขึ้นชื่อออย่างมากเรื่องความมีมาตราฐานทำให้ รถยนต์ Plug-in Hybrid ที่เคยตีตลาดในประเทศไทย จะมาตีตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับค่ายนี้�

และที่จะเข้าไทยล่าสุดที่กำลังเป็นกระแสอย่างหนักก็คงจะหนีไม่พ้น Tesla ของอีลอน มัสก์ พ่อหนุ่มนักธุรกิจสุดโต่งที่รู้จักกันดีในสื่อต่างๆ� ถ้าติดตามข่าวของอีลอน มัสก์ ตลอดก็จะมีข่าวเม้าส์ ซุบซิบให้ได้ติดตามกันเป็นประจำไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องรถของเค้า

ความมั่นใจของผู้บริโภคเลยต้องมาอันดับหนึ่ง เพราะถ้าตามข่าวกันดีๆ ยังคงมีข่าวเรื่องความไม่ปลอดภัย ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น การเกิดเหตุการณ์พวงมาลัยหลุด ของเจ้ารถ Tesla Model Y� และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นเพราะ �ในปี2022 �Tesla Model 3 ก็ได้เกิดเหตุการณ์พวงมาลัยหลุดมาแล้วเช่นกัน�

...ส่วนเจ้าไฮบริจด์ของเราก็เคยผ่านน้ำท่วม กทม.และดับกลางถนนมาแล้ว โอเคซึ้งเลยกับระบบไฟฟ้าแต่ก็ใช่ว่าจะเข็ดนะ ยังรักอยู่เพราะข้อดีมันเยอะกว่ามากกก ^^
ข้อดีและข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้านั้นก็มีดีต่างกัน เราเลยลองสรุปเล่นๆจากความเห็นส่วนตัว

ข้อดี
-เป็นมิตรกับโลกใบนี้ ลดเจ้าฝุ่น5 ด้วยนะ
-ลดค่าใช้จ่ายอย่างมากเพราะน้ำมันนั้นแพงกว่าค่าไฟฟ้าอยู่แล้ว
-เสียงเครื่องยนต์เงียบกริบ ไม่ส่งเสียงรบกวน
-ไม่ต้องดูแล maintenance มาก ตัดปัญหาเรื่องจุกจิกไปได้เยอะ

ข้อเสีย
-จุดบริการชาร์จไฟฟ้าไม่ได้มีมากเหมือนปั๊มน้ำมันที่มีทั่วทุกแห่ง
-ใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 6-8 ชั่วโมง เท่ากับขับระยะไกลนี่อาจจะต้องแวะนอนกลางทาง
-ถ้ารถมีปัญหารถยนต์ระบบไฟฟ้าจะหยุดการทำงานทั้งหมดทันทีต้องเรียกศูนย์อย่างเดียว
-การซ่อม-เปลี่ยนอะไหล่ราคาสูง

ยังไงก็ตามสำหรับเรา ผู้ที่ใช้ Plug-in Hybrid ของค่าย BMW� มาก่อนพูดได้เต็มปากเลยว่า มันประหยัดแบบสุดๆ �และการซ่อมบำรุงนั้นแสนจะง่ายและมีการการันตีจากศูนย์บริการทำให้เรามั่นใจในการกระโดดจากรถน้ำมันมาสู่รถกึ่งไฟฟ้าในตอนนั้น และเพิ่งได้มีโอกาสเข้าไป Test drive BMW iX3 รถไฟฟ้า 100% ที่ศูนย์� BMW Amorn Prestige เราใช้บริการแบบให้ทางอมรส่งรถมาให้ทดลองขับถึงบ้าน มาพร้อมกับน้องจีเนียสที่คอยตอบปัญหาของเราได้� ซึ่งรถรุ่นนี้ชาร์จ 1 ครั้ง ขับได้ไกลถึง460�กิโลเมตร ปรับได้ทั้งแบบ Eco และ Sport �อัตราสิ้นเปลืองก็ตามที่ทราบกัน ขับเร็วหน่อยอาจจะไม่ได้ 460 กิโลเมตรแบบที่เค้าการันตี การออกตัวยังดีเสมอสำหรับBMW เงียบนุ่มแต่รวดเร็วอันนี้ยังคงได้มาตรฐานเสมอ มาด้วยช่องเสียบชาร์จไฟฟ้าแบบ�CCS2�แถมสามารถชาร์จได้เฉพาะหัว�AC สะดวกมากสำหรับข้อนี้ และแน่นอนว่าหลังจากป้ายยาตัวเองเรียบร้อยแล้วเราคงเป็นอีกหนึ่งคนที่จะเขยิบมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่างเต็มตัวซักที




ชอบความห้องโดยสารที่โปร่งหลังคาสูงและมีพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างใหญ่ไพศาลเราว่า BMW iX3 �นี่เหมาะจะเป็นรถครอบครัว รถสาวโสดเพื่อนเยอะ หรือคนชอบออกเที่ยวต่างจังหวัดเลยนะ ราคาเปิดตัว 3.49 ล้าน ส่วนโปรโมชั่นต่างๆก็แล้วแต่น้องเซล์ลเค้าจะจัดให้แล้วกัน แอบกระซิบว่า พี่ลูกค้าเก่าน้าๆๆ (ต่อรองเหมือนจะซื้อเลยอ่ะ)

ส่วน Tesla อาจจะอยากรอดูคนไทยใช้กันเยอะๆ ซัก 2-3 ปีก่อนว่าเจอปัญหาอะไรมั้ยค่อยเอามาเทียบกันอีกที คือเราว่าสมัยนี้คนซื้อรถยุโรปที่มี BSI ให้การเปลี่ยนรถใหม่บ่อยๆ คำนวณดีๆคุ้มอยู่นะ อารมณ์เหมือนเช่ารถขับแต่ได้เปลี่ยนเรื่อยๆ เพราะสำหรับคนที่ขับอย่างเดียวแบบเราถ้ามีศูนย์บริการดีๆรองรับ ต่อให้เป็นรถไฟฟ้า 100% ก็อยากใช้อ่ะ
สาวก Tesla กับ BMW มาแขร์กันหน่อยๆ 555

#รถยนต์ไฟฟ้า
#Tesla
#bmwรถไฟฟ้า
#รถEV
แก้ไขล่าสุด 17 เม.ย. 66 21:13 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#2 | babala | 21 เม.ย. 66 17:20 น.

 

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google