นโยบายแต่ละพรรค ขายฝัน หรือ ทำจริง มาดูกัน!!
3 พ.ค. 66 19:50 น. /
ดู 1,745 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
เปิดประเด็นผ่านเวทีดีเบต ประชานิยม-ปฏิรูปเศรษฐกิจ แค่ขายฝัน หรือเพิ่มโอกาสทำกิน
จาก3 พรรคการเมืองกับศึกเลือกตั้ง 66
ปัจจุบันปัญหาปากท้องของคนในประเทศนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อเกิดขึ้นมากมายเกือบจะทุกประเทศในโลกในการเลือกตั้ง66 ครั้งนี้ เหล่าบรรดาพรรคการเมืองชั้นนำได้ยกนโยบายมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ละพรรคจะมีนโยบายอย่างไร ขายฝันหรือทำได้จริง มาถอดบทสัมภาษณ์แบบย่อๆให้อ่านง่ายๆกัน
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ ของลุงป้อม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องไม่ลืมว่าเราคือใคร พร้อมยกตัวอย่าง 3 ประเทศที่ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ไทยเราเองมีเรื่องของเกษตรอยู่ในมือ และถ้า พปชร.เป็นรัฐบาล จะทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้มากกว่าหรือเท่ากับที่เพื่อไทยอ้างนายมิ่งขวัญ ส่งท้ายคำขวัญของ พปชร. ก้าวข้ามความขัดแย้ง ถ้าสามารถเลิกทะเลาะกันได้ จะพากันแก้ปัญหาและก้าวข้ามความยากจน พปชร. มีบัตรคนจน มีนโยบายผู้สูงอายุ มีนโยบายพลังงาน จะลดค่าครองชีพ ค่าน้ำมัน-แก๊ส-ค่าไฟ
แน่นอนว่าพรรคนี้เด่นสุดๆในเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้งอย่างชัดเจน เรียกว่าเน้นเจรจาประณีประนอม เพราะหลังจากแยกทางกับลุงตู่แล้ว ทั้งสองลุงก็ยังคงเป็นมิตรที่ดีต่อกันมาโดยตลอด
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเมืองที่แท้จริง คือเพื่อเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมาย จะทำให้พี่น้องประชาชนมีเศรษฐกิจดีขึ้น ต้องทำให้ประชาชนนิยม พรรคเพื่อไทยจะเพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่า รวมทั้งขยายรายได้ภาคการท่องเที่ยว และรัฐสนับสนุนภาคธุรกิจ แก้กฎหมายต่าง ๆ หากประชาชนไม่มีประชาธิปไตย ไม่มีเสรีภาพ ไม่ได้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ นักรบทางเศรษฐกิจของเรา คือ ประชาชน จะไม่มีโอกาสแสดงศักยภาพเต็มที่ จึงจะเน้นแก้ความเหลื่อมล้ำและกฎหมาย พรรคเพื่อไทยขอเสนอตัวเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงและผู้นำความหวัง ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งทำให้ประเทศโปร่งใส แก้ทุจริตคอร์รัปชัน
นโยบายพรรคเพื่อไทย อาจจะฟังยากไปนิดเพราะอาจจะต้องทำความเข้าใจกับคำว่า เทคโนโลยีบล็อกเชน กันอีกครั้ง แต่การเพิ่มรายได้ให้ชาวเกษตรกรนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีแบบสุดๆ เพราะประเทศของเป็นประเทศของการเกษตรอันดับต้นของโลก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไทยต้องมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยขับเคลื่อน 4 ตัว คือ การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนจากต่างประเทศ การส่งออก และการใช้จ่ายภายในประเทศ ตนได้ไปพบเอกอัครราชทูตหลายประเทศ ทุกคนพูดเหมือนกันว่า 10 ปีจากนี้ไทยและอาเซียน จะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก ต้องสร้างโอกาสให้ไทยเป็น "เฮลท์ ฮับ" ดูแลผู้สูงอายุทั่วโลกส่วนเรื่องประชานิยม พรรคภูมิใจไทยจะใช้นโยบายประชานิยมอย่างมีเหตุผล ไม่เกินตัว ไม่มอมเมาพี่น้องประชาชน ไม่สร้างภาระในอนาคตให้ประเทศ เมื่อถามว่า กัญชาเคยพูดว่าเป็นพืชเศรษฐกิจ-กระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า กัญชาของพรรคภูมิใจไทยสำเร็จไปแล้ว นำกัญชาออกจากยาเสพติด ส่วนใหญ่ทุกพรรคให้ความเห็นชอบหลักการกฎหมายกัญชา แต่เหตุผลทางการเมืองทำให้กฎหมายกัญชายังไม่ผ่านสภา แต่ไม่ได้ตก หากพรรคกลับไปจะผลักดันกฎหมายนี้
เรียกได้ว่าโดยหนักอยู่สำหรับความขัดแย้งเรื่องกัญชาเสรี ที่ที่ผ่านมาไม่มีการควบคุมดูแลอย่างทั่วถึง อย่างที่เห็นได้ตามสื่อเกี่ยวกับเยาวชนทดลองใช้กัญชา หากข้อนี้จัดการได้ กัญชาเสรีก็ถือว่าเป็นจุดเด่นกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้เหมือนกัน
ต้องมาจับตาดูว่าโค้งสุดท้ายของแต่ละพรรคการเมืองจะปล่อยหมัดเด็ดอะไรออกมาเพื่อดึงเสียงเลือกตั้งจากประชาชน แต่เท่าที่ผ่านมาศึกการเลือกตั้ง66 นี้ ดุเดือด สูสีกันแบบเดาไม่ออกเลยว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 กันแน่ ความหวังของประเทศอยู่ที่ปลายปากกาของประชาชน 14 พฤษภาคม พ.ศ.2566 อย่าลืมออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันนะ
ที่มา: https://www.thaipbs.or.th/now/conte.........sWr-RdMQADA9b4M
จาก3 พรรคการเมืองกับศึกเลือกตั้ง 66
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ ของลุงป้อม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องไม่ลืมว่าเราคือใคร พร้อมยกตัวอย่าง 3 ประเทศที่ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ไทยเราเองมีเรื่องของเกษตรอยู่ในมือ และถ้า พปชร.เป็นรัฐบาล จะทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้มากกว่าหรือเท่ากับที่เพื่อไทยอ้างนายมิ่งขวัญ ส่งท้ายคำขวัญของ พปชร. ก้าวข้ามความขัดแย้ง ถ้าสามารถเลิกทะเลาะกันได้ จะพากันแก้ปัญหาและก้าวข้ามความยากจน พปชร. มีบัตรคนจน มีนโยบายผู้สูงอายุ มีนโยบายพลังงาน จะลดค่าครองชีพ ค่าน้ำมัน-แก๊ส-ค่าไฟ
แน่นอนว่าพรรคนี้เด่นสุดๆในเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้งอย่างชัดเจน เรียกว่าเน้นเจรจาประณีประนอม เพราะหลังจากแยกทางกับลุงตู่แล้ว ทั้งสองลุงก็ยังคงเป็นมิตรที่ดีต่อกันมาโดยตลอด
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเมืองที่แท้จริง คือเพื่อเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมาย จะทำให้พี่น้องประชาชนมีเศรษฐกิจดีขึ้น ต้องทำให้ประชาชนนิยม พรรคเพื่อไทยจะเพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่า รวมทั้งขยายรายได้ภาคการท่องเที่ยว และรัฐสนับสนุนภาคธุรกิจ แก้กฎหมายต่าง ๆ หากประชาชนไม่มีประชาธิปไตย ไม่มีเสรีภาพ ไม่ได้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ นักรบทางเศรษฐกิจของเรา คือ ประชาชน จะไม่มีโอกาสแสดงศักยภาพเต็มที่ จึงจะเน้นแก้ความเหลื่อมล้ำและกฎหมาย พรรคเพื่อไทยขอเสนอตัวเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงและผู้นำความหวัง ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งทำให้ประเทศโปร่งใส แก้ทุจริตคอร์รัปชัน
นโยบายพรรคเพื่อไทย อาจจะฟังยากไปนิดเพราะอาจจะต้องทำความเข้าใจกับคำว่า เทคโนโลยีบล็อกเชน กันอีกครั้ง แต่การเพิ่มรายได้ให้ชาวเกษตรกรนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีแบบสุดๆ เพราะประเทศของเป็นประเทศของการเกษตรอันดับต้นของโลก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไทยต้องมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยขับเคลื่อน 4 ตัว คือ การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนจากต่างประเทศ การส่งออก และการใช้จ่ายภายในประเทศ ตนได้ไปพบเอกอัครราชทูตหลายประเทศ ทุกคนพูดเหมือนกันว่า 10 ปีจากนี้ไทยและอาเซียน จะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก ต้องสร้างโอกาสให้ไทยเป็น "เฮลท์ ฮับ" ดูแลผู้สูงอายุทั่วโลกส่วนเรื่องประชานิยม พรรคภูมิใจไทยจะใช้นโยบายประชานิยมอย่างมีเหตุผล ไม่เกินตัว ไม่มอมเมาพี่น้องประชาชน ไม่สร้างภาระในอนาคตให้ประเทศ เมื่อถามว่า กัญชาเคยพูดว่าเป็นพืชเศรษฐกิจ-กระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า กัญชาของพรรคภูมิใจไทยสำเร็จไปแล้ว นำกัญชาออกจากยาเสพติด ส่วนใหญ่ทุกพรรคให้ความเห็นชอบหลักการกฎหมายกัญชา แต่เหตุผลทางการเมืองทำให้กฎหมายกัญชายังไม่ผ่านสภา แต่ไม่ได้ตก หากพรรคกลับไปจะผลักดันกฎหมายนี้
เรียกได้ว่าโดยหนักอยู่สำหรับความขัดแย้งเรื่องกัญชาเสรี ที่ที่ผ่านมาไม่มีการควบคุมดูแลอย่างทั่วถึง อย่างที่เห็นได้ตามสื่อเกี่ยวกับเยาวชนทดลองใช้กัญชา หากข้อนี้จัดการได้ กัญชาเสรีก็ถือว่าเป็นจุดเด่นกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้เหมือนกัน
ต้องมาจับตาดูว่าโค้งสุดท้ายของแต่ละพรรคการเมืองจะปล่อยหมัดเด็ดอะไรออกมาเพื่อดึงเสียงเลือกตั้งจากประชาชน แต่เท่าที่ผ่านมาศึกการเลือกตั้ง66 นี้ ดุเดือด สูสีกันแบบเดาไม่ออกเลยว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 กันแน่ ความหวังของประเทศอยู่ที่ปลายปากกาของประชาชน 14 พฤษภาคม พ.ศ.2566 อย่าลืมออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันนะ
ที่มา: https://www.thaipbs.or.th/now/conte.........sWr-RdMQADA9b4M
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google