บุ๋น มาเล่าเส้นทางการเติบโต จากเด็กติดเกมผู้ผิดหวังกับการแคสต์งานจนเกือบถอดใจ สู่ตัวพ่อแห่ง Wabi Sabi

เป็นรายการที่ บุ๋น นพณัฐ เหมือนได้มาดีปทอล์กให้ได้รู้จักตัวตนคุณเขามากกว่าเดิมขึ้นเยอะเลย
เพราะเป็นรายการของรุ่นน้องในค่าย Wabi Sabi กันเองกับ  Ryu And โคตรเฟรนด์ แล้วเปิดมาริวเขาก็ไม่ขอเข้ารายการแบบสวัสดีขอต้อนรับเข้าสู่บลาๆๆ เหมือนที่อื่นเขา
เพราะเห็นว่าเป็นคนกันเอง เฮียบุ่นเขาเลยลงไปนั่งกับพื้นและชวนนั่งสั่งส้มตำมากินเลยไหมล่ะเอ้อ 😆




และได้รับเกียรติถูกเชิญมาออกรายการคนแรกขนาดนี้ ริวเลยขอมาล้วงลึกทำความรู้จักเจ้าพ่อวาบิซาบิสักหน่อย
อย่างชีวิตประจำวันชอบทำอะไร คุณเขาบอก ช่วงนี้ชอบเล่นเกม แบบเวลาทำงานหนักมาก็อยากพักผ่อนอยู่บ้าน ส่วนเป็นคนจังหวัดอะไร บุ๋นก็เท้าความว่า พ่อเป็นคนเชียงราย แม่เป็นคนเพชรบุรี พบรักกันบนรถไฟ
มีพี่ชายคนโต และก็เรา แต่ถ้าเราเกิดที่กรุงเทพ แต่ตอนเด็กๆ ก็ไปอยู่ฝั่งบ้านพ่อบ้านแม่บ้าง ชีวิตการเรียนในช่วงมัธยม เป็นเด็กศิลป์คำนวน ส่วนชีวิตช่วงมัธยมปลายก็เป็นเด็กร้านเกมเกาะเบาะ หกโมงเช้าป้ามาส่ง ก็จะเดินออกนอกโรงเรียนละ นอนตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงบ่ายสอง เพราะตอนนั้นอายุไม่ถึง จะเล่นเกมได้ตอนบ่ายสองเล่นจนถึงสี่ทุ่ม และบอก
แม่ไปค้างบ้านเพื่อน และก็ทำแบบนั้นในวันถัดไป ไม่ได้เรียนเลย รอดมาได้ต้องขอบคุณเพื่อน เอาเงินมาลงกับเกมเยอะมาก
เคยหลอกเอาเงินจากแม่บอกจะไปเรียนพิเศษ เอามาซื้อดาบในเกม 13,000 บาท ไม่แนะนำให้ทำตาม เป็นเรื่องในอดีตที่เราผิดพลาดและทำให้เราได้เรียนรู้
แสบใช่ย่อยเลยเบบี้บุ๋น😬





พาร์ทมหาลัย ก็เลือกเรียน นิเทศศาสตร์ ที่ม.กรุงเทพ เพราะเรียนตามเพื่อน ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรด้วยซ้ำ เข้ามหาลัยก็แสงสีเสียงฉ่ำ แต่เรามีภูมิคุ้มกันตั้งแต่มัธยม มีสังสรรค์กับพวกพี่ๆ บางคนจบ ม.6 มาเข้ามหาลัยอาจหลงแสงสี แต่บางคนก็ปฏิเสธได้ แต่ถามเราปฏิเสธไหม ก็เป็นส่วนน้อย 😌




ถ้าถามเข้าวงการมาตั้งแต่ตอนไหน บุ๋นก็เล่าว่า เป็นช่วง ม.ปลาย ตอนนั้นอยากหาตังค์มาเติมเกม
แต่พอได้อ่านนิตยสารที่มีบทสัมภาษณ์ของ กัปตัน ชลธร ที่มาทำงานในวงการเพราะเอามาจ่ายค่าเทอมไม่ให้ลำบากพ่อแม่
เราก็อยากทำบ้าง เลยเข้าเว็บไซต์หางานหา Extra ถ้านับงานแคสต์ซีรีส์คือนับไม่ถ้วนเลยเยอะมาก ถามว่าได้ไหม ไม่ได้เลย
ได้มากสุดคือเป็น Extra และเริ่มได้เป็นเมน Extra ก็ในเรื่องเดือนเกี้ยวเดือน เคยเหมือนจะก้าวหน้าได้ลงหลักเป็นนักแสดงในซีรีส์จริงๆ แต่ก็กลายเป็นโดนหลอกให้ถ่ายซีรีส์แบบไม่ได้รับค่าตัว ตอนนั้นก็ยิ่งท้อ 




แต่ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้เข้าวงการจริงๆ ก็คือ ได้ไปเจอ โอ ภูวนัย ที่มีชื่อเสียงระดับนึงในตอนนั้น
ในงานแคสต์งานนึง แล้วพี่อโลนนิวเจ้าของวาบิก็เห็นเราไปทักโอ และพี่เขาเลยทักมาในไอจีว่ามาลองแคสต์ซีรีส์กับพี่ไหม  คือเรื่องด้ายแดง ปรากฏได้เป็นจุดเริ่มต้น ไม่กลัวว่ามันจะซ้ำรอย แต่เป็นความหวังสุดท้าย ถ้าไม่ได้ตรงนี้คือพอแล้ว
เคยบอกกับตัวเองถ้าเรื่องนี้เราไม่ได้ไรจากมัน ก็จะพอแล้ว แต่ฟีดแบ็กมันก็ดีเกินคาด




พาร์ทของการได้เริ่มทำธุรกิจคาเฟ่ที่มาเริ่มแรกคือ บุ๋นอยากให้แฟนๆ มีที่นั่งรอ เพราะก่อนหน้านี้ออฟฟิศมันอยู่ข้างๆ กัน
และเราเคยเป็นแฟนคลับมาก่อน การต้องมานั่งรอศิลปินตั้งแต่เช้าและยุงกัดมันทรมาน เคยผ่านมาก่อนนี่เอง
ถึงเข้าใจขนาดนี้🥺





มาคุยเรื่อง funfact เกี่ยวกับคุณเขาต่อ ถ้าถามถึงสิ่งที่กลัวแบบอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้เลยคือ แมลงสาบ และถ้ามีคนอยากจะมาทำความรู้จักเมกเฟรนด์ด้วย คนนั้นต้องเป็นคนยังไง
เจ้าตัวบอก ส่วนตัวมีเซ้นส์ว่าใครจะเข้าหาเราเพราะอะไร หาผลประโยชน์ หรือทำความรู้จัก แต่เราจะไม่ตัดสินเขาก่อน
ใครจะมาเป็นเพื่อนก็เป็นได้ แต่จะดูว่าเข้ากันได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ค่อยๆ เฟด และเพื่อนสนิทในชีวิตช่วงนี้ที่ให้คำปรึกษาได้ ก็จะมีคนในออฟฟิศวาบินี่แหละ เพราะเพื่อนสมัยมัธยมที่เขาทำงานทั่วไป เวลาก็ไม่ตรงกัน และพอเห็นเราทำแต่งาน
ก็มีตั้งคำถาม มึงมีชื่อเสียงแล้วเปลี่ยนไปป่ะว-ะ เอาจริงเราอยู่ตรงนี้เราดีขึ้นเยอะ แต่ก่อนไม่ค่อยคุยกับใคร แต่อยู่ตรงนี้ดีขึ้นเยอะได้คุยกับผู้คน แต่เราแค่ไม่มีเวลา 




ส่วนถ้าจะมีแฟนคนๆ นั้นต้องเป็นแบบไหน ข้อนี้สาววายมีคำตอบในใจ☺
แต่คำตอบของบุ๋นคือ ขอคนที่เข้ากับเรา เข้าใจเรา เปิดอกคุยตรงๆ เพราะเราก็จะพูดตรงๆ เหมือนกัน 




และรายการเป็นคอนเซ็ปต์วงเขียว Close Friend งานนี้เลยให้บุ๋นได้โทรหาเพื่อนสนิทที่สุด
เพื่อมาแชร์ความเป็นตัวตนของบุ๋นให้ฟังในรายการด้วย
Q: ปกติบุ๋นเวลาส่วนตัวแตกต่างกับตอนทำงานไหม?
เพื่อนบุ๋น: ไม่เห็นเวลาตอนทำงานจริงจังเท่าไร เวลาส่วนตัวก็ตลกประมาณนึง อ๊องๆ
อยากทำไรก็ทำ
Q: แต่ก่อนบุ๋นเที่ยวบ่อยไหม?
เพื่อนบุ๋น: ถามบุ๋นก่อน ให้ตอบได้แค่ไหน ก็ประมาณนึง
Q: อยากบอกอะไรเพื่อนไหม?
เพื่อนบุ๋น:ก็รอดูความสำเร็จต่อไปเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน 
ซัปพอร์ตกันดีมาก น่ารักทั้งบุ๋นทั้งเพื่อนเลย



#บุ๋นนพณัฐ