Agile คืออะไร แนวคิดใหม่ของการทำงานที่ช่วยให้ธุรกิจคล่องตัวมากขึ้น

ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน องค์กรต่าง ๆ ต่างมองหาวิธีการทำงานที่มีความยืดหยุ่น ปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แนวคิด Agile จึงกลายเป็นคำตอบที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว Agile คืออะไร? เป็นแนวคิดที่ช่วยให้องค์กรเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างไร? แนวคิดการทำงานแบบ Agile ประกอบด้วยปัจจัยใดบ้าง? บทความนี้ มีคำตอบ Agile คืออะไร ?

Agile คือ แนวคิดและวิธีการทำงานที่เน้นความคล่องแคล่ว ปรับเปลี่ยน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยหัวใจหลักของการทำงานแบบ Agile คือ การแบ่งงานออกเป็นงานย่อย ๆ (Sprint) ทำงานเป็นระยะสั้น ๆ เน้นการทำงานร่วมกันของทีม สื่อสารกันบ่อย ๆ ปรับเปลี่ยนแผนงานได้ตามความเหมาะสม

แนวคิดการทำงานแบบ Agile นั้น นำไปประยุกต์ใช้ได้กับงานหลากหลายประเภท ไม่ได้จำกัดแค่การพัฒนาซอฟต์แวร์เท่านั้น แต่องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก ต่างก็นำแนวคิด Agile ไปปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ปัจจัยที่สำคัญ ในการทำงานแบบ Agile คืออะไร?



การทำงานแบบ Agile เป็นวิธีการทำงานที่มีความยืดหยุ่น โดยประกอบไปด้วย 4 ปัจจัยหลักของ Agile คือ

บุคคลและปฏิสัมพันธ์เหนือกว่ากระบวนการและเครื่องมือ

ปัจจัยแรกของ Agile methodology คือ การเน้นความสำคัญของบุคคล การสื่อสาร และการทำงานร่วมกันมากกว่าการยึดติดกับกระบวนการและเครื่องมือ

●  Agile เน้นการทำงานเป็นทีม สมาชิกในทีมทุกคนต้องมีส่วนร่วม มีความรับผิดชอบ ร่วมมือกันทำงาน
●  เน้นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สื่อสารกันบ่อย ๆ เปิดเผย ตรงไปตรงมา เข้าใจตรงกัน
●  Agile สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี ปลอดภัย สนับสนุน ให้สมาชิกในทีมกล้าแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ เรียนรู้จากกันและกัน

ซอฟต์แวร์ที่ทำงานได้เหนือเอกสารที่ครอบคลุม

ปัจจัยที่ 2 ของการทำงานแบบ Agile เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ทำงานได้จริง กล่าวได้ว่า ซอฟต์แวร์สามารถทำงานได้เหนือเอกสารที่ครอบคลุม เป็นการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้จริงมากกว่าการเขียนเอกสารที่ยาวเหยียด

●  Agile เน้นการส่งมอบซอฟต์แวร์ที่ทำงานได้จริง ใช้งานได้ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่เอกสารที่สมบูรณ์แบบ
●  เน้นการทดสอบซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ หาข้อผิดพลาด แก้ไข ปรับปรุง พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
●  Agile เน้นการเรียนรู้จากข้อผิดพลาด นำข้อผิดพลาดมาวิเคราะห์ หาสาเหตุ แก้ไข ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

การทำงานร่วมกันของลูกค้ากับนักพัฒนาซอฟต์แวร์เหนือกว่าการต่อรองและสัญญา

การทำงานร่วมกันของลูกค้าของแนวคิดการทำงานแบบ Agile เน้นส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างลูกค้าและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อให้เข้าใจความต้องการและปรับแก้ซอฟต์แวร์ได้อย่างรวดเร็ว

●  ลูกค้ามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ ให้ความคิดเห็น เสนอแนะ ทดสอบใช้งาน ตั้งแต่ต้นจนจบ
●  Agile สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เข้าใจความต้องการ รับฟังข้อเสนอแนะ นำไปปรับใช้ พัฒนาซอฟต์แวร์ให้ตรงใจลูกค้า
●  Agile เน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์ตามความต้องการของลูกค้า

การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเหนือกว่าการปฏิบัติตามแผน

ปัจจัยสุดท้ายของ Agile model คือ การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเหนือกว่าการปฏิบัติตามแผน เป็นแนวคิดที่มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนแผนงานตามสถานการณ์ และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

●  Agile ช่วยเรียนรู้จากการเปลี่ยนแปลง นำการเปลี่ยนแปลงมาเป็นโอกาส พัฒนาซอฟต์แวร์ให้ดีขึ้น
●  การทำงานแบบ Agile ช่วยให้มองหาโอกาสใหม่ ๆ จากการเปลี่ยนแปลง

ข้อดี-ข้อเสียของการทำงานแบบ Agile

อย่างไรก็ตาม แนวคิดของการทำงานแบบอไจล์ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่จะต้องเรียนรู้และเข้าใจ เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ในแต่ละสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม

ข้อดีของแนวคิด Agile

●  Agile ช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว
●  ปรับเปลี่ยนแผนงานได้ตามความเหมาะสม
●  ทีมงานมีส่วนร่วมในการทำงานมากขึ้น
●  การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
●  Agile ช่วยระบุปัญหาและแก้ไขได้เร็ว
●  สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง
●  เพิ่มขวัญกำลังใจและความพึงพอใจของพนักงาน
●  Agile ช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ

ข้อเสียของแนวคิด Agile

●  Agile ต้องการการสื่อสารและการทำงานร่วมกันที่สูง
●  อาจมีความเสี่ยงที่แผนงานจะเปลี่ยนแปลงบ่อย
●  Agile ต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ของทีมงาน
●  อาจจะไม่เหมาะกับงานทุกประเภท
●  Agile ต้องการการวัดผลที่ชัดเจน
●  อาจจะเกิดความขัดแย้งภายในทีมได้
●  Agile เป็นการทำงานที่เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรแบบดั้งเดิม

นำแนวคิด Agile ประยุกต์ใช้กับการทำงานอย่างไร



การนำแนวคิด Agile ประยุกต์ใช้กับการทำงานนั้น สามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทของงาน ขนาดขององค์กร และวัฒนธรรมองค์กร เช่น

●  แบ่งงานใหญ่ ๆ ออกเป็นงานย่อย ๆ (Sprint) ที่สามารถทำงานเสร็จได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ (1 - 4 อาทิตย์) ช่วยให้ทีมงานมีโฟกัสการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
●  การทำงานเป็นระยะสั้น (Iteration) ในแต่ละรอบ ทีมงานจะพัฒนาซอฟต์แวร์ ทดสอบ และส่งมอบให้ลูกค้าทดสอบใช้งาน เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะจากลูกค้า นำไปปรับปรุง พัฒนาซอฟต์แวร์ในรอบถัดไป
●  แนวคิด Agile เน้นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ จัดประชุมเป็นประจำ เพื่อติดตามความคืบหน้าของงาน อุปสรรค ปัญหา และหาแนวทางแก้ไข
●  มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนแผนงานได้ตามความเหมาะสม เมื่อมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง เพื่อ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด เทคโนโลยี พฤติกรรมของลูกค้า ได้อย่างรวดเร็ว
●  ทดสอบซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ หาข้อผิดพลาด แก้ไข ปรับปรุง พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา
●  ส่งมอบซอฟต์แวร์ให้ลูกค้าทดสอบใช้งานเป็นประจำ เพื่อให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา สร้างความมั่นใจได้ว่า ซอฟต์แวร์ที่ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าจริง ๆ
●  แนวคิด Agile เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ด้วยทีมงานมีแรงจูงใจ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ภูมิใจในผลงาน
●  เรียนรู้จากประสบการณ์ ความผิดพลาด ข้อเสนอแนะจากลูกค้า นำมาพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
●  แนวคิด Agile วัดผลจากผลลัพธ์ ซอฟต์แวร์ที่ทำงานได้จริง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

บทสรุปของ Agile คืออะไร

Agile คือแนวคิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง Agile ประกอบด้วย 4 ปัจจัยหลัก ๆ คือ บุคคลและปฏิสัมพันธ์ ซอฟต์แวร์ที่ทำงานได้จริง การทำงานร่วมกันของลูกค้า และการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหลายองค์กรสามารถเลือกใช้ Disrupt corporate program จาก Disrupt เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรได้อย่างเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน