ปลาหมอคางดำ กินได้ ย่อยง่าย ไขมันน้อย ให้โปรตีน

21 ส.ค. 67 10:39 น. / ดู 9,496 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
เป็นที่ทราบกันดีว่าในขณะนี้ ปลาหมอคางดำ เป็นปลาที่แพร่พันธุ์ได้รวดเร็วและรุกรานสัตว์น้ำพื้นถิ่นในแหล่งน้ำธรรมชาติของไทย ทุกภาคส่วนกำลังร่วมด้วยช่วยกันกำจัดด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเร่งจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำให้ได้ไวที่สุด และลดปริมาณปลาดังกล่าวให้ได้มากที่สุด ซึ่งปลาหมอคางดำที่จับมาได้สามารถนำไปสร้างมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารได้หลายอย่าง เช่น หมักเป็นปลาร้า ปลาป่น ปลาตากแห้ง นอกจากนำมาดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปแล้ว ยังสามารถนำมาประกอบอาหารรับประทานได้ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทุกคนสามารถมีส่วนช่วยสนับสนุนมาตรการกำจัดปลาดังกล่าวได้เห็นผล และเป็นการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า
ปลาหมอคางดำ เป็นปลาที่กินได้ ทำเป็นอาหารได้ ไม่เป็นอันตราย มีสารอาหารประเภทโปรตีน เหมือนปลาชนิดอื่นๆ ปลาเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย ไม่ว่าปลาชนิดใดก็ตาม เนื้อปลาสุก 30 กรัม ให้สารอาหารโปรตีน 7 กรัม

สำหรับปลาชนิดนี้ มีเนื้อน้อย ไขมันน้อยเมื่อเทียบกับปลาที่เพาะเลี้ยง สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูเหมือนปลาทั่วไป ซึ่งเป็นเมนูที่ทุกคนทำได้และดัดแปลงรังสรรค์ให้อร่อยได้ตามรสมือของแม่ครัว อาทิ ปลาหมอคางดำแดดเดียว น้ำพริกปลาป่น ต้มยำ แกงส้ม ฉู่ฉี่ ต้มโคล้ง ปลาฟูคั่วขี้เมา ทั้งนี้ ปลาดังกล่าวอาจมีกลิ่นเฉพาะตัว การใช้เครื่องเทศหรือสมุนไพรปรุงจะช่วยกลบกลิ่นได้ หรือเพิ่มเครื่องปรุงตามสูตรอาหารพื้นถิ่นของแต่ละจังหวัดได้เช่นกัน โดยเมนูต่างๆ ที่กล่าวมา สามารถนำมาเป็นอาหารในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี...

การประกอบอาหารด้วยปลาหมอคางดำสามารถดัดแปลงให้ลงตัวและกินง่ายขึ้น ด้วยการนำเนื้อปลาชนิดอื่นมาผสมให้เหมาะกับเมนูอาหารแต่ละชนิด เช่น เนื้อปลาหมอคางดำ 150 กรัม ผสมกับ เนื้อปลาช่อน หรือปลากะพง 150 กรัม รวมกันได้น้ำหนักของเนื้อปลา 300 กรัม ซึ่งจะทำให้ได้โปรตีน 70 กรัม หากต้องการให้ได้โปรตีนจากเนื้อปลาเพิ่มขึ้น ให้เพิ่มปริมาณน้ำหนักของเนื้อปลาตามที่ต้องการ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรคำนึงในการนำปลาหมอคางดำมาปรุงเป็นอาหารเพื่อสุขอนามัยที่ดี ควรพิจารณาเลือกแหล่งที่มาของปลาที่มีความปลอดภัย โดยมาจากจุดรับซื้อที่เชื่อถือได้ หรือ จากจุดรับซื้อของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงการคัดเลือกปลาที่มีความสดใหม่ได้คุณภาพและควรล้างทำความสะอาดปลาทุกครั้งก่อนนำมาประกอบอาหาร เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ที่สำคัญต้องปรุงให้สุกด้วยอุณหภูมิความร้อนที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัย

แหล่งที่มา : https://www.khaosod.co.th/pr-news/news_9369993
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | _uwu_ | 23 ส.ค. 67 00:01 น.

น่าลองงง

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google