รู้ยัง!! มจพ. เปิดหลักสูตรวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม หลักสูตรใหม่ ปี' 67 เด็กที่จบ ม.6 สายวิทย์-คณิต ไม่ควรพลาด
25 ต.ค. 67 16:22 น. /
ดู 1,088 ครั้ง /
2 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
หลักสูตรวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงามเป็นวิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งของเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ที่เรียนวิเคราะห์สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงาม เจาะลึกวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง เพราะปัจจุบันธุรกิจและกิจการที่เกี่ยวกับการผลิตเครื่องสำอางถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจและสร้างรายได้เป็นอย่างดี ประกอบกับความเจริญก้าว**เทคโนโลยีสื่อสาร ทำให้ผู้อุปโภค บริโภคเข้าถึงข้อมูล วิทยาศาสตร์สุขภาพและความงามเป็นวิทยาศาสตร์ที่เรียนเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงามนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางให้มีคุณภาพมาตรฐานเทียบเคียงสากลจึงเป็นความจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมในประเทศ ตลอดจนการปั้น Project มองเห็นโอกาส การพัฒนาไอเดียสู่ธุรกิจ มีผลิตภัณฑ์ สู่ท้องตลาด และตอบโจทย์ผู้เรียนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองด้านความงาม...งามแบบตะโกนจริงๆๆ สุด chic !!! วันนี้ มาทำความรู้จักสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม ภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มจพ. เริ่มจาก
ผศ.ดร.นิศาลักษณ์ ตรงศิริวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม เล่าว่า เทรนด์สุขภาพและความงามในปัจจุบัน (Health & Wellness) เป็นตลาดสินค้าสุขภาพและความงามมีอัตราการเติบโตทั่วโลกเนื่องด้วยประเทศต่าง ๆ เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ มีประชากรที่มีอายุมากขึ้น ขณะที่กระแสคนรุ่นใหม่ หันมาให้ความสำคัญและใส่ใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น และสืบเนื่องจากภาควิชาต้องการพัฒนาหลักสูตรใหม่ที่แตกไลน์ ไปจากหลักสูตรเคมีอุตสาหกรรมเดิม ที่เน้นไปทางอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี เคมีวัสดุ ซึ่งหลักสูตรใหม่มุ่งจะไปที่การสร้างผู้ประกอบการรายเล็ก และผลิตบัณฑิตสำหรับกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้านสุขภาพและความงาม จากผลการสำรวจ คุยกับทางผู้ประกอบการและผู้เรียน พบว่า เมื่อนักศึกษาที่เรียนจบไปแล้วกว่า 70% ตอบว่าอยากเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เทรนด์ใหม่อย่าง "ด้านสุขภาพ ความงาม และสปา" ซึ่งตอบโจทย์กับหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม (หลักสูตรใหม่ พ.ศ. 2567) เรียนจริง ปฏิบัติจริง เปิดรับสมัครนักเรียนที่จบมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) สายวิทย์-คณิต ไม่ควรพลาด เปิดสอนระดับปริญญาตรีทั้งโครงการปกติ ค่าเล่าเรียน 25,000 บาท และโครงการสมทบ ค่าเล่าเรียน 29,000 บาท จำนวน 135 หน่วยกิต ระยะเวลาเรียน 4 ปี ภาควิชาได้ออกแบบหลักสูตรขึ้นมาเป็น 3+1 นั่นหมายความว่านักศึกษาจะเรียนเนื้อหาในรายวิชาต่าง ๆ ในหลักสูตรเพียง 3 ปี และนักศึกษาจะได้รับโอกาสในการหาประสบการณ์ในการฝึกงานในภาคฤดูร้อน และทำโครงงานพิเศษ หรือโครงงานสหกิจศึกษาในสถานประกอบการที่ตรงกับสายอาชีพที่ต้องการเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งภาควิชาสนับสนุนให้นักศึกษาทุกคนได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรงผ่านการทำงานกับมืออาชีพเพื่อตามหาความฝันและสิ่งที่ชอบในอาชีพที่ต้องการ
จุดเด่นของหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม (หลักสูตรใหม่
พ.ศ. 2567) นี้ เรียนเนื้อหา 3 ปี ฝึกทักษะการพัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์ 1 ปี ทั้งในด้านการพัฒนาวิจัย ในห้องปฏิบัติการวิจัยหรือสถานประกอบการณ์ในภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ภาควิชาเองได้มีการลงนามความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ที่หลากหลายทั้งศูนย์วิจัยเฉพาะทาง โรงพยาบาล รวมถึงโรงงานรับพัฒนาและผลิตเครื่องสำอาง (ODM) ที่เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้โดยใช้องค์ความรู้เคมี เช่น เทคโนโลยีการสกัดสารธรรมชาติ และวิเคราะห์สาระสำคัญ การสังเคราะห์สารสำคัญทางชีวภาพ (Bioactive agent) เทคโนโลยีระบบกักเก็บและนำส่งสารสำคัญ (Encapsulation and delivery Technology of active ingredients) เสถียรภาพความเป็นพิษและพัฒนาตัวตรวจวัดเชิงเคมีในผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงามเพื่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการทำงานในห้องปฏิบัติการด้านสุขภาพและความงามได้ โดยใช้ทักษะและความรู้ด้านเคมี/ชีวเคมี การพัฒนาผู้เรียนให้มีความเป็นเลิศทางด้านความคิดสร้างสรรค์ นำความรู้สู่การปฏิบัติ สนับสนุนการผลิตงานวิจัยเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเป็นสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมที่สามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ต่อไป
ผศ.ดร.สุกัญญา เทพวาที อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม เสริมว่า สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม มีการบูรณาการศาสตร์ทางด้านวิทยาศาสตร์ ความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์ และการเป็นผู้ประกอบการให้กับนักศึกษา นอกจากรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานอย่างวิชาเคมี ซึ่งจะเรียนค่อนข้างลึกกว่าวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางโดยทั่วไปเพื่อให้นักศึกษาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาสูตรเครื่องสำองได้ในอนาคต นอกจากวิชาเคมีที่เป็นวิชาหลักแล้วยังมีวิชาทางด้านชีววิทยา (Biology) เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการนำไปดูแลสุขภาพและความงามได้อย่างปลอดภัย มีการเสริมรายวิชาคำนวณที่จะเกี่ยวกับวิศวกรรมการผลิต เช่น วิชาเกี่ยวกับ Mass Balance หลักการผสม การกวน เป็นต้น เพื่อให้มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการผลิต นอกจากนี้จากข้อมูลที่ผู้เรียนต้องการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม ภาควิชาฯ จึงเสริมรายเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) เป็นวิชาทางสังคมศาสตร์ที่ศึกษาถึงพฤติกรรมของมนุษย์และสังคมที่เกี่ยวข้องกับผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ และที่สำคัญจากที่ผู้เรียนจะได้ลงมือพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างเต็มที่คลอด 1 ปีสุดท้าย จะทำให้นักศึกษามีความโดดเด่นและมีความมั่นในในการออกไปประกอบอาชีพต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านสุขภาพและความงาม
นอกจากนี้ ยังดูแลเรื่องความคุ้มค่าการลงทุน ซึ่งจะสอดคล้องกับการเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น "เราต้องความรู้ ความเข้าเรื่องของการลงทุน" เช่น เรียนการคอร์สแผนธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม เรียนรู้
การพัฒนาแนวคิดและคอนเซปต์ของสินค้าเข้าใจกลุ่มผู้บริโภคเพื่อพัฒนาสินค้าหรือบริการ ให้สอดคล้องกับความต้องการสำหรับตลาดสินค้าและบริการ เรียนรู้การสร้างและวิเคราะห์จุดขาย ศึกษาพฤติกรรมเป้าหมายเพื่อสามารถสร้างและพัฒนาสินค้า เรียนรู้กระบวนการสร้างแบรนด์สำหรับสินค้าความงามและสุขภาพ รวมไปถึงเข้าใจแนวคิดและขั้นตอนการออกแบบ Packaging ให้สอดคล้องกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้นักศึกษาได้เตรียมตัวเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ด้านรศ.ดร. สมิทธิชัย สียางนอก หัวหน้าภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม กล่าวถึง รายวิชาที่ได้เปิดสอนแก่นักศึกษานั้นยังมีรายวิชาที่เกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการเช่น วิชาการลงทุน (Investment) ชี้ช่องเริ่มต้นลงทุนที่เกี่ยวข้องกับระดับความเสี่ยง ด้านงบประมาณในการลงทุนว่าควรพิจารณา และเตรียมความพร้อมก่อนอย่างไรสำหรับมือใหม่ โดยต้องมีทิศทางในการลงทุนที่ชัดเจนและมีการจัดสรรเงินลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product design) เพราะจะสอดคล้องกับผู้เรียนที่ลงมือทำ เพื่อสร้างพัฒนาผลิตภัณฑ์และมองเห็นโอกาส การพัฒนาไอเดียสู่ธุรกิจ แล้วยังมีอีก 1 รายวิชาที่ให้สำคัญเช่นกัน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างและจับคุณค่า ให้เป็นมูลค่าทางธุรกิจผ่านวิธีการและกระบวนการสำหรับการพัฒนาและนวัตกรรมของโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ที่ได้กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่เกี่ยวข้องเศรษฐศาสตร์ทั้งสิ้น นอกจากนี้นักศึกษาเรียนรู้การทำวิจัยที่เข้มข้นในรายวิชา Research Methodology การสอนการเรื่องระเบียบการทำวิจัยและการยื่นขอทุนด้วยเช่นกัน ผู้เรียนจะมีองค์ความรู้ขั้นสูง มีความคิด ความสามารถในการพัฒนาและวิจัย การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ที่มีรูปแบบทันสมัยมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล จบจากสาขานี้ไปมีงานทำแน่นอน 100% เนื่องจากสุขภาพและความงามถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ของตลาดงาน และบุคลากรด้านสุขภาพ และความงามเป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ และต่างประเทศ
ผศ.ดร.นิศาลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม ของภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มจพ. กำหนดการรับสมัครไว้ 4 ดังนี้ รอบที่ 1 Portfolio เน้นความสามารถพิเศษ รอบที่ 2 Quota รอบที่ 3 Admission รอบที่ 4 Direct Admission โดยใช้คะแนนในการสมัคร TGAT-TPAT และ A-Level สมัครเรียนได้ที่
https://stdadmis2.kmutnb.ac.th/ApplyStart?ReturnUrl=%2f อ่านระเบียบการรับสมัครแต่ละคณะได้ที่ https://admission.kmutnb.ac.th/apply/round หรือที่ กลุ่มงานรับเข้าศึกษา โทรศัพท์ 0-2555-2000 ต่อ 1626,1627 และที่ facebook : Admission.KMUTNB - กลุ่มงานรับเข้าศึกษา มจพ. หรือที่ ภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มจพ. โทร. 02 555-2000 ต่อ 4802-4
ขวัญฤทัย ข่าว
ผศ.ดร.นิศาลักษณ์ ตรงศิริวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม เล่าว่า เทรนด์สุขภาพและความงามในปัจจุบัน (Health & Wellness) เป็นตลาดสินค้าสุขภาพและความงามมีอัตราการเติบโตทั่วโลกเนื่องด้วยประเทศต่าง ๆ เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ มีประชากรที่มีอายุมากขึ้น ขณะที่กระแสคนรุ่นใหม่ หันมาให้ความสำคัญและใส่ใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น และสืบเนื่องจากภาควิชาต้องการพัฒนาหลักสูตรใหม่ที่แตกไลน์ ไปจากหลักสูตรเคมีอุตสาหกรรมเดิม ที่เน้นไปทางอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี เคมีวัสดุ ซึ่งหลักสูตรใหม่มุ่งจะไปที่การสร้างผู้ประกอบการรายเล็ก และผลิตบัณฑิตสำหรับกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้านสุขภาพและความงาม จากผลการสำรวจ คุยกับทางผู้ประกอบการและผู้เรียน พบว่า เมื่อนักศึกษาที่เรียนจบไปแล้วกว่า 70% ตอบว่าอยากเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เทรนด์ใหม่อย่าง "ด้านสุขภาพ ความงาม และสปา" ซึ่งตอบโจทย์กับหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม (หลักสูตรใหม่ พ.ศ. 2567) เรียนจริง ปฏิบัติจริง เปิดรับสมัครนักเรียนที่จบมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) สายวิทย์-คณิต ไม่ควรพลาด เปิดสอนระดับปริญญาตรีทั้งโครงการปกติ ค่าเล่าเรียน 25,000 บาท และโครงการสมทบ ค่าเล่าเรียน 29,000 บาท จำนวน 135 หน่วยกิต ระยะเวลาเรียน 4 ปี ภาควิชาได้ออกแบบหลักสูตรขึ้นมาเป็น 3+1 นั่นหมายความว่านักศึกษาจะเรียนเนื้อหาในรายวิชาต่าง ๆ ในหลักสูตรเพียง 3 ปี และนักศึกษาจะได้รับโอกาสในการหาประสบการณ์ในการฝึกงานในภาคฤดูร้อน และทำโครงงานพิเศษ หรือโครงงานสหกิจศึกษาในสถานประกอบการที่ตรงกับสายอาชีพที่ต้องการเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งภาควิชาสนับสนุนให้นักศึกษาทุกคนได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรงผ่านการทำงานกับมืออาชีพเพื่อตามหาความฝันและสิ่งที่ชอบในอาชีพที่ต้องการ
จุดเด่นของหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม (หลักสูตรใหม่
พ.ศ. 2567) นี้ เรียนเนื้อหา 3 ปี ฝึกทักษะการพัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์ 1 ปี ทั้งในด้านการพัฒนาวิจัย ในห้องปฏิบัติการวิจัยหรือสถานประกอบการณ์ในภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ภาควิชาเองได้มีการลงนามความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ที่หลากหลายทั้งศูนย์วิจัยเฉพาะทาง โรงพยาบาล รวมถึงโรงงานรับพัฒนาและผลิตเครื่องสำอาง (ODM) ที่เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้โดยใช้องค์ความรู้เคมี เช่น เทคโนโลยีการสกัดสารธรรมชาติ และวิเคราะห์สาระสำคัญ การสังเคราะห์สารสำคัญทางชีวภาพ (Bioactive agent) เทคโนโลยีระบบกักเก็บและนำส่งสารสำคัญ (Encapsulation and delivery Technology of active ingredients) เสถียรภาพความเป็นพิษและพัฒนาตัวตรวจวัดเชิงเคมีในผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงามเพื่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการทำงานในห้องปฏิบัติการด้านสุขภาพและความงามได้ โดยใช้ทักษะและความรู้ด้านเคมี/ชีวเคมี การพัฒนาผู้เรียนให้มีความเป็นเลิศทางด้านความคิดสร้างสรรค์ นำความรู้สู่การปฏิบัติ สนับสนุนการผลิตงานวิจัยเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเป็นสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมที่สามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ต่อไป
ผศ.ดร.สุกัญญา เทพวาที อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม เสริมว่า สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม มีการบูรณาการศาสตร์ทางด้านวิทยาศาสตร์ ความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์ และการเป็นผู้ประกอบการให้กับนักศึกษา นอกจากรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานอย่างวิชาเคมี ซึ่งจะเรียนค่อนข้างลึกกว่าวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางโดยทั่วไปเพื่อให้นักศึกษาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาสูตรเครื่องสำองได้ในอนาคต นอกจากวิชาเคมีที่เป็นวิชาหลักแล้วยังมีวิชาทางด้านชีววิทยา (Biology) เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการนำไปดูแลสุขภาพและความงามได้อย่างปลอดภัย มีการเสริมรายวิชาคำนวณที่จะเกี่ยวกับวิศวกรรมการผลิต เช่น วิชาเกี่ยวกับ Mass Balance หลักการผสม การกวน เป็นต้น เพื่อให้มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการผลิต นอกจากนี้จากข้อมูลที่ผู้เรียนต้องการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม ภาควิชาฯ จึงเสริมรายเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) เป็นวิชาทางสังคมศาสตร์ที่ศึกษาถึงพฤติกรรมของมนุษย์และสังคมที่เกี่ยวข้องกับผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ และที่สำคัญจากที่ผู้เรียนจะได้ลงมือพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างเต็มที่คลอด 1 ปีสุดท้าย จะทำให้นักศึกษามีความโดดเด่นและมีความมั่นในในการออกไปประกอบอาชีพต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านสุขภาพและความงาม
นอกจากนี้ ยังดูแลเรื่องความคุ้มค่าการลงทุน ซึ่งจะสอดคล้องกับการเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น "เราต้องความรู้ ความเข้าเรื่องของการลงทุน" เช่น เรียนการคอร์สแผนธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม เรียนรู้
การพัฒนาแนวคิดและคอนเซปต์ของสินค้าเข้าใจกลุ่มผู้บริโภคเพื่อพัฒนาสินค้าหรือบริการ ให้สอดคล้องกับความต้องการสำหรับตลาดสินค้าและบริการ เรียนรู้การสร้างและวิเคราะห์จุดขาย ศึกษาพฤติกรรมเป้าหมายเพื่อสามารถสร้างและพัฒนาสินค้า เรียนรู้กระบวนการสร้างแบรนด์สำหรับสินค้าความงามและสุขภาพ รวมไปถึงเข้าใจแนวคิดและขั้นตอนการออกแบบ Packaging ให้สอดคล้องกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้นักศึกษาได้เตรียมตัวเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ด้านรศ.ดร. สมิทธิชัย สียางนอก หัวหน้าภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม กล่าวถึง รายวิชาที่ได้เปิดสอนแก่นักศึกษานั้นยังมีรายวิชาที่เกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการเช่น วิชาการลงทุน (Investment) ชี้ช่องเริ่มต้นลงทุนที่เกี่ยวข้องกับระดับความเสี่ยง ด้านงบประมาณในการลงทุนว่าควรพิจารณา และเตรียมความพร้อมก่อนอย่างไรสำหรับมือใหม่ โดยต้องมีทิศทางในการลงทุนที่ชัดเจนและมีการจัดสรรเงินลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product design) เพราะจะสอดคล้องกับผู้เรียนที่ลงมือทำ เพื่อสร้างพัฒนาผลิตภัณฑ์และมองเห็นโอกาส การพัฒนาไอเดียสู่ธุรกิจ แล้วยังมีอีก 1 รายวิชาที่ให้สำคัญเช่นกัน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างและจับคุณค่า ให้เป็นมูลค่าทางธุรกิจผ่านวิธีการและกระบวนการสำหรับการพัฒนาและนวัตกรรมของโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ที่ได้กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่เกี่ยวข้องเศรษฐศาสตร์ทั้งสิ้น นอกจากนี้นักศึกษาเรียนรู้การทำวิจัยที่เข้มข้นในรายวิชา Research Methodology การสอนการเรื่องระเบียบการทำวิจัยและการยื่นขอทุนด้วยเช่นกัน ผู้เรียนจะมีองค์ความรู้ขั้นสูง มีความคิด ความสามารถในการพัฒนาและวิจัย การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ที่มีรูปแบบทันสมัยมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล จบจากสาขานี้ไปมีงานทำแน่นอน 100% เนื่องจากสุขภาพและความงามถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ของตลาดงาน และบุคลากรด้านสุขภาพ และความงามเป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ และต่างประเทศ
ผศ.ดร.นิศาลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม ของภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มจพ. กำหนดการรับสมัครไว้ 4 ดังนี้ รอบที่ 1 Portfolio เน้นความสามารถพิเศษ รอบที่ 2 Quota รอบที่ 3 Admission รอบที่ 4 Direct Admission โดยใช้คะแนนในการสมัคร TGAT-TPAT และ A-Level สมัครเรียนได้ที่
https://stdadmis2.kmutnb.ac.th/ApplyStart?ReturnUrl=%2f อ่านระเบียบการรับสมัครแต่ละคณะได้ที่ https://admission.kmutnb.ac.th/apply/round หรือที่ กลุ่มงานรับเข้าศึกษา โทรศัพท์ 0-2555-2000 ต่อ 1626,1627 และที่ facebook : Admission.KMUTNB - กลุ่มงานรับเข้าศึกษา มจพ. หรือที่ ภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มจพ. โทร. 02 555-2000 ต่อ 4802-4
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google