วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีข้อปฏิบัติห้ามทำอะไรบ้าง ?
28 พ.ย. 67 15:03 น. /
ดู 668 ครั้ง /
3 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีข้อปฏิบัติห้ามทำอะไรบ้าง ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ช่วงเวลาที่ผู้รับบริการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรใส่ใจมาก ๆ ก็คือการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติที่สุด การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่น้อย และเพื่อป้องกันอาการข้างเคียงต่าง ๆ และช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ดี
ดังนั้น บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้มากขึ้น ว่ามีความสำคัญอย่างไร ต้องปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างไร และห้ามกินอะไรบ้าง
ทำไมการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์จึงสำคัญ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีความสำคัญมากเป็นพิเศษ เนื่องจากผิวหนังบริเวณรอบดวงตามีความบอบบางและอ่อนโยนมากกว่าบริเวณอื่น ๆ การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจึงช่วยทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดสามารถเซ็ตตัวได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ก็ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแทรกซ้อนและปัญหาต่าง ๆ เช่น การอักเสบและช้ำในบริเวณใต้ตา ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ การเกิดถุงน้ำใต้ตา การเคลื่อนย้ายของฟิลเลอร์ เป็นต้น
หลังฉีดฟิลเลอร์แต่ละช่วงเวลา ต้องปฏิบัติอย่างไร ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ทันที
หลังฉีด Filler ใต้ตาทันที ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดนวดบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ และควรงดการแต่งหน้า เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
สำหรับใครที่มีอาการบวมหรือช้ำ สามารถประคบเย็นเบา ๆ บริเวณใต้ตาได้ แต่ห้ามประคบร้อนโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ไม่เข้าที่
หลังฉีดฟิลเลอร์ 2-48 ชั่วโมง
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ 2-48 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมาก เช่น การออกกำลังกายหนัก ๆ การดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบวมและช้ำในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มากขึ้น
นอกจากนี้ควรงดการอาบน้ำร้อน ซาวน่า หรือการสัมผัสความร้อนทุกประเภท รวมถึงหลีกเลี่ยงการก้มหน้าหรือการนอนคว่ำ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนหรือเปลี่ยนรูปทรงไป
หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 สัปดาห์
การดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์ 1 สัปดาห์ สามารถทาครีมบำรุงหรือนวดเบา ๆ เพื่อให้ผิวเรียบเนียนได้ แต่ให้หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือใช้สครับบริเวณใต้ตา เพราะผิวยังไวต่อการระคายเคือง
และระยะเวลานี้ผลข้างเคียงเบื้องต้นอย่างอาการบวม ช้ำ ควรจะลดลงไปมากแล้ว แต่หากยังมีอาการที่ผิดปกติ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาทันที
หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 เดือน
ในระยะเวลา 1 เดือน ฟิลเลอร์ใต้ตาควรจะเข้าที่และเซ็ตตัวได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น สามารถทำกิจกรรมได้ทุกอย่างตามปกติ เช่น ออกกำลังกาย ซาวน่า และการดูแลผิว
ข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler มีอะไรบ้าง ?
เพราะข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ จึงควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ดี ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และลดความเสี่ยงจากอาการแทรกซ้อน โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีข้อปฏิบัติ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าในช่วง 3 วันหลังทำ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่
- ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 1.5-2 ลิตร จะช่วยทำให้ฟิลเลอร์ฟู ได้รูป และอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
- นอนหัวสูงกว่าหน้าอก ไม่ควรนอนตะแคง แนะนำให้หาหมอนข้างมากั้นทั้งด้านซ้ายและขวาใน 2-3 คืนแรก เพื่อป้องกันการกดทับหน้า
- ทานยาที่แพทย์จ่ายให้อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดอาการบวม ช้ำ และป้องกันการติดเชื้อ
ในช่วงกลางคืนควรดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างไร ?
สำหรับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในช่วงกลางคืน ควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน เพื่อให้ผิวบริเวณใต้ตามดูชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงการใช้ครีมบำรุงหนัก ๆ หรือสกินแคร์ที่มีสารระคายเคืองในคืนแรก หากต้องเช็ดทำความสะอาดผิวรอบดวงตา ควรทำเบา ๆ ไม่ถูตา
รวมถึงต้องใช้ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนที่สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยให้นอนหงายและใช้หมอนสูง เพื่อช่วยลดการบวมใต้ดวงตาและลดความเสี่ยงฟิลเลอร์เคลื่อนที่
ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไรบ้าง ?
สำหรับข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด เพราะอาหารบางประเภทอาจทำให้เกิดอาหารบวม ช้ำ หรืออักเสบได้ โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอาหาร ดังนี้
- อาหารรสเค็ม โซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป ขนมขบเคี้ยว อาหารหมักดอง
- เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะสามารถทำให้หลอดเลือดขยายตัว จนทำให้เกิดการบวมและช้ำมากขึ้น เช่น เบียร์ ไวน์ เหล้า
- อาหารร้อนจัดหรือเผ็ดจัด เช่น อาหารต้มเดือด ๆ ส้มตำเผ็ดจัด และอาหารที่อาจกระตุ้นการอักเสบและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
- อาหารที่มีสมุนไพร เพราะส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือก เช่น ขิง ขมิ้น กระเทียม และโสม
- เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง อาจทำให้ร่างกายขับน้ำออกมากขึ้น ทำให้ผิวแห้งและส่งผลกระทบต่อฟิลเลอร์
อาการผิดปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ แบบไหนควรพบแพทย์
หากพบว่ามีอาการหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ผิดปกติ เช่น มีอาการบวมแดง ปวดอย่างรุนแรง คลื่นไส้ มีไข้ เกิดก้อนแข็ง ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ รอบช้ำไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ มีอาการชา สีผิวผิดปกติ หรือมีปัญหาเรื่องการมองเห็น ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด ควรรีบเข้าพบแพทย์โดยด่วนที่สุด
สรุปเรื่องการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
เพราะการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้อย่างเหมาะสมที่สุด ลดอาการบวม ช้ำ ป้องกันการอักเสบและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น การดูแลตัวเองตามข้อแนะนำในบทความนี้ จึงสามารถช่วยให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเซ็ตตัว และเข้าที่ได้อย่างเหมาะสม ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://thaibestbeauty.com/
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ช่วงเวลาที่ผู้รับบริการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรใส่ใจมาก ๆ ก็คือการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติที่สุด การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่น้อย และเพื่อป้องกันอาการข้างเคียงต่าง ๆ และช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ดี
ดังนั้น บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้มากขึ้น ว่ามีความสำคัญอย่างไร ต้องปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างไร และห้ามกินอะไรบ้าง
ทำไมการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์จึงสำคัญ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีความสำคัญมากเป็นพิเศษ เนื่องจากผิวหนังบริเวณรอบดวงตามีความบอบบางและอ่อนโยนมากกว่าบริเวณอื่น ๆ การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจึงช่วยทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดสามารถเซ็ตตัวได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ก็ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแทรกซ้อนและปัญหาต่าง ๆ เช่น การอักเสบและช้ำในบริเวณใต้ตา ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ การเกิดถุงน้ำใต้ตา การเคลื่อนย้ายของฟิลเลอร์ เป็นต้น
หลังฉีดฟิลเลอร์แต่ละช่วงเวลา ต้องปฏิบัติอย่างไร ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ทันที
หลังฉีด Filler ใต้ตาทันที ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดนวดบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ และควรงดการแต่งหน้า เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
สำหรับใครที่มีอาการบวมหรือช้ำ สามารถประคบเย็นเบา ๆ บริเวณใต้ตาได้ แต่ห้ามประคบร้อนโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ไม่เข้าที่
หลังฉีดฟิลเลอร์ 2-48 ชั่วโมง
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ 2-48 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมาก เช่น การออกกำลังกายหนัก ๆ การดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบวมและช้ำในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มากขึ้น
นอกจากนี้ควรงดการอาบน้ำร้อน ซาวน่า หรือการสัมผัสความร้อนทุกประเภท รวมถึงหลีกเลี่ยงการก้มหน้าหรือการนอนคว่ำ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนหรือเปลี่ยนรูปทรงไป
หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 สัปดาห์
การดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์ 1 สัปดาห์ สามารถทาครีมบำรุงหรือนวดเบา ๆ เพื่อให้ผิวเรียบเนียนได้ แต่ให้หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือใช้สครับบริเวณใต้ตา เพราะผิวยังไวต่อการระคายเคือง
และระยะเวลานี้ผลข้างเคียงเบื้องต้นอย่างอาการบวม ช้ำ ควรจะลดลงไปมากแล้ว แต่หากยังมีอาการที่ผิดปกติ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาทันที
หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 เดือน
ในระยะเวลา 1 เดือน ฟิลเลอร์ใต้ตาควรจะเข้าที่และเซ็ตตัวได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น สามารถทำกิจกรรมได้ทุกอย่างตามปกติ เช่น ออกกำลังกาย ซาวน่า และการดูแลผิว
ข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler มีอะไรบ้าง ?
เพราะข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ จึงควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ดี ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และลดความเสี่ยงจากอาการแทรกซ้อน โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีข้อปฏิบัติ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าในช่วง 3 วันหลังทำ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่
- ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 1.5-2 ลิตร จะช่วยทำให้ฟิลเลอร์ฟู ได้รูป และอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
- นอนหัวสูงกว่าหน้าอก ไม่ควรนอนตะแคง แนะนำให้หาหมอนข้างมากั้นทั้งด้านซ้ายและขวาใน 2-3 คืนแรก เพื่อป้องกันการกดทับหน้า
- ทานยาที่แพทย์จ่ายให้อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดอาการบวม ช้ำ และป้องกันการติดเชื้อ
ในช่วงกลางคืนควรดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างไร ?
สำหรับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในช่วงกลางคืน ควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน เพื่อให้ผิวบริเวณใต้ตามดูชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงการใช้ครีมบำรุงหนัก ๆ หรือสกินแคร์ที่มีสารระคายเคืองในคืนแรก หากต้องเช็ดทำความสะอาดผิวรอบดวงตา ควรทำเบา ๆ ไม่ถูตา
รวมถึงต้องใช้ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนที่สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยให้นอนหงายและใช้หมอนสูง เพื่อช่วยลดการบวมใต้ดวงตาและลดความเสี่ยงฟิลเลอร์เคลื่อนที่
ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไรบ้าง ?
สำหรับข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด เพราะอาหารบางประเภทอาจทำให้เกิดอาหารบวม ช้ำ หรืออักเสบได้ โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอาหาร ดังนี้
- อาหารรสเค็ม โซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป ขนมขบเคี้ยว อาหารหมักดอง
- เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะสามารถทำให้หลอดเลือดขยายตัว จนทำให้เกิดการบวมและช้ำมากขึ้น เช่น เบียร์ ไวน์ เหล้า
- อาหารร้อนจัดหรือเผ็ดจัด เช่น อาหารต้มเดือด ๆ ส้มตำเผ็ดจัด และอาหารที่อาจกระตุ้นการอักเสบและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
- อาหารที่มีสมุนไพร เพราะส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือก เช่น ขิง ขมิ้น กระเทียม และโสม
- เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง อาจทำให้ร่างกายขับน้ำออกมากขึ้น ทำให้ผิวแห้งและส่งผลกระทบต่อฟิลเลอร์
อาการผิดปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ แบบไหนควรพบแพทย์
หากพบว่ามีอาการหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ผิดปกติ เช่น มีอาการบวมแดง ปวดอย่างรุนแรง คลื่นไส้ มีไข้ เกิดก้อนแข็ง ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ รอบช้ำไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ มีอาการชา สีผิวผิดปกติ หรือมีปัญหาเรื่องการมองเห็น ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด ควรรีบเข้าพบแพทย์โดยด่วนที่สุด
สรุปเรื่องการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
เพราะการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้อย่างเหมาะสมที่สุด ลดอาการบวม ช้ำ ป้องกันการอักเสบและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น การดูแลตัวเองตามข้อแนะนำในบทความนี้ จึงสามารถช่วยให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเซ็ตตัว และเข้าที่ได้อย่างเหมาะสม ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://thaibestbeauty.com/
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google