ละคร เพชรกลางไฟ

ดู 6,174 ครั้ง / แชร์
ละครออกอากาศ วันพุธ วันพฤหัส
ช่องที่ออกอากาศ ละครช่อง 3
เริ่มออกอากาศ 25 มกราคม 2560
เวลาออกอากาศ 20:20 - 22:50 น.
  
กำกับโดย อดุลย์ บุญบุตร
ประพันธ์โดย บทประพันธ์ ว.วินิจฉัยกุล, บทโทรทัศน์ เอกลิขิต
นำแสดงโดย
นิษฐา จิรยั่งยืน ... อุษา/หม่อมเจ้าหญิงอุรวศี (หญิงหลง)
วฤษฎิ์ ศิริสันธนะ ... อนล
พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์ ... หม่อมเจ้าหญิงติโลตตมา (หญิงกลาง)
ศุกล ศศิจุลกะ ... เสด็จในกรม
กชกร นิมากรณ์ ... หม่อมสลวย
ชุติมา นัยนา ... หม่อมต่วน
อดิศร อรรถกฤษณ์ ... หม่อมเจ้าอรชุน (ชายใหญ่)
ภิชาภัช มหาทิตยากุล ... หม่อมเจ้าหญิงอลัมพุษา (หญิงใหญ่)
ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ ... หม่อมเจ้าหญิงอทริกา (หญิงนิด)
บุศย์สิริ รัตนาไพศาลสุข ... หม่อมเจ้าหญิงอรุณวาสี (หญิงเล็ก)
สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ... หม่อมเรี่ยม
มรกต หทัยวสีวงศ์ ... หม่อมเจ้าหญิงเมรา (หญิงเม)
ดวงใจ หทัยกาญจน์ ... เสด็จพระองค์หญิง
ชินมิษ บุนนาค ... หม่อมเจ้าอธิป
วาสนา พูนผล ... หม่อมเอื้อน
วิทวัส สิงห์ลำพอง ... หม่อมเจ้าสุรคม
จักรกฤษณ์ อำมรัตน์ ... บุญทัน
ดิลก ทองวัฒนา ... พระยารัชปาลี
พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ ... คุณหญิงรัชปาลี (นวม)
วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ ... เกื้อ
โกสินทร์ ราชกรม ... อนึก
สันติสุข พรหมศิริ ... พระยาไกรเพชรรัตน์
อภิรดี ภวภูตานนท์ ... คุณหญิงไกรเพชรรัตน์
ยงวรี งามเกษม ... ดวงแข
สุประวัติ ปัทมสูต ... จางวางสม
โฉมฉาย ฉัตรวิไล ... แสง
ปวีณา ชารีฟสกุล ... ผ่อง
นฤมล นิลวรรณ ... สร้อย
วิรากานต์ เสณีตันติกุล ... จัน
พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา ... ผิน
รตวรรณ ออมไธสง ... นังแปลก
ชัชวาล เพชรวิศิษฐ์ ... คล้อง
คงณัฐ เชยสุวรรณ ... ถึก
วรรธนะ กัมทรทิพย์ ... ท่านป้อม
อัญชิสา เลี่ยวไพโรจน์ ... สำอาง
เบญจสิริ วัฒนา ... หม่อมพิณ
กนกกาญจน์ จุลทอง ... พุ่ม
กิตติพล เกศมณี ... คุณทับ
เศรษฐา ศิระฉายา ... สุรสาย
น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย ... สุรางค์
ธนพล พีชะพัฒน์ ... อนุวัฒน์
ผู้สร้าง บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด

ภาพนิ่งจากละคร

เรื่องย่อ เพชรกลางไฟ

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากการสิ้นพระชนม์ของเสด็จในกรมฯ (ศุกล ศศิจุลกะ) ผู้เป็นพระบิดา หม่อมเจ้าหญิงอุรวศี (นิษฐา จิรยั่งยืน) ก็ถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตำหนักใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่ของหม่อมต่วน (หม่อมต่วน) หม่อมใหญ่ของเสด็จพ่อ เพราะหม่อมต่วนเกลียดชังหม่อมสลวย (กชกร นิมากรณ์) หม่อมแม่ของอุรวศี ที่มาแย่งชิงความรักของเสด็จฯ ไปจากเธอ แม้ว่าเสด็จฯ จะมี หม่อมเรี่ยม (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) เป็นหม่อมอีกคน ก็ไม่ถูกชิงชังเท่าหม่อมสลวย

อุรวศีเป็นห่วงว่าห้องทรงพระอักษรของเสด็จพ่อจะไม่มีคนดูแลความสะอาด จึงขัดคำสั่งของหม่อมต่วน แอบเข้าไปทำความสะอาดห้อง แต่กลับพบว่าหม่อมต่วนให้คนมาเก็บหนังสือในห้องทั้งหมดถวายแด่เสด็จเสนาบดี โดยมี อนล (วฤษฎิ์ ศิริสันธนะ) เป็นคนที่มาขนย้ายหนังสือตามคำสั่ง อนลเข้าใจว่าอุรวศีเป็นนางข้าหลวงในวัง จึงไม่ได้ใช้คำราชาศัพท์ด้วย อุรวศีไม่ได้แก้ไขความเข้าใจผิดนั้น และขอหนังสือของเสด็จฯ เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกไม่กี่เล่ม

อนลพยายามจะสานสัมพันธ์ต่อด้วยการชวนให้อุรวศีมาดูเครื่องเรือนที่ต้องการเก็บไว้ แต่อุรวศีตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปที่ตำหนักใหญ่อีก เมื่ออนลรู้ความจริงว่าอุรวศีเป็นถึงหม่อมเจ้าหญิง จึงฝากจดหมายขอประทานอภัยมากับจัน (วิรากานต์ เสณีตันติกุล) คนสนิทของอุรวศี อุรวศีรับจดหมายไว้แต่ไม่คิดจะตอบ เพราะจะไม่เหมาะสมหากถูกจับได้ว่าส่งจดหมายติดต่อกับชายหนุ่ม

หม่อมสลวยพาอุรวศีไปฝากไว้ที่ตำหนักของเสด็จพระองค์หญิงฯ (ดวงใจ หทัยกาญจน์) ซึ่งเป็นเสด็จป้าของอุรวศี โดยให้เหตุผลว่าจะมีคนงานมาก่อสร้างกำแพงวัง กั้นระหว่างตำหนักใหญ่ของหม่อมต่วนกับเรือนที่เสด็จพ่อประทานให้หม่อมสลวยกับอุรวศี อีกทั้งหม่อมสลวยเองก็จะไม่อยู่สักพัก จึงเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่งามขึ้นในตำหนักของเสด็จป้า อุรวศีต้องเผชิญหน้ากับพระธิดาของเสด็จพ่อกับหม่อมต่วนอีกสามองค์ คือ หม่อมเจ้าหญิงติโลตตมา (พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์) หม่อมเจ้าหญิงอทริกา (ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ) และหม่อมเจ้าหญิงอรุณวาสี (บุศย์สิริ รัตนาไพศาลสุข) ในบรรดาเจ้าพี่หญิงทั้งสาม ท่านหญิงอรุณวาสีเป็นคนที่อุปนิสัยดีที่สุด ส่วนท่านหญิงติโลตตมาและท่านหญิงอทริกานั้น คอยจ้องแต่จะหาเรื่องอุรวศีอยู่เป็นประจำ แต่อุรวศีก็เอาตัวรอดมาได้ด้วยพระเมตตาของเสด็จป้า

อุรวศีคอยให้หม่อมสลวยมารับออกไปจากตำหนัก แต่หม่อมสลวยก็หายไป อุรวศีจึงขอประทานอนุญาตจากเสด็จป้ากลับไปเยี่ยมบ้าน และได้รู้ความจริงจากจางวางสม (สุประวัติ ปัทมสูต) และแสง (โฉมฉาย ฉัตรวิไล) ตากับยาย ว่าหม่อมแม่ของเธอแอบหนีไปแต่งงานใหม่กับเถ้าแก่บุญทัน (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) คนรักเก่าตั้งแต่ก่อนจะถวายตัว และอพยพไปอยู่ที่เมืองนครสวรรค์แล้ว ส่วนอุรวศีก็จะให้อยู่กับเสด็จป้าฯ เป็นการชั่วคราวเพื่อให้พ้นเงื้อมมือของหม่อมต่วน จนกว่าหม่อมเจ้าวิสสุกรรม พระเชษฐาของอุรวศีจะเสด็จกลับจากต่างประเทศมาอยู่ด้วยกัน

หม่อมต่วนเรียกให้อุรวศีไปพบที่ตำหนักใหญ่ และดูถูกเหยียดหยามหม่อมสลวยที่ใฝ่ต่ำ เป็นถึงหม่อมแต่กลับลงไปเกลือกกลั้วกับสามัญชน อุรวศีเสียใจมาก อนลมาพบอุรวศีกำลังร้องไห้ จึงพูดให้กำลังใจอุรวศี ทำให้อุรวศี
รู้สึกดีขึ้นมาก อุรวศีได้ยินว่าอนลกำลังจะไปราชการที่หัวเมือง จึงแอบฝากจดหมายไปถึงหม่อมสลวย ก่อนจะกลับไปอาศัยกับเสด็จป้าระหว่างรอจดหมายตอบกลับมา

หม่อมต่วนเอาเรื่องที่หม่อมสลวยแต่งงานใหม่ไปฟ้องเสด็จป้า แต่เสด็จป้าไม่สนพระทัย ทำให้หม่อมต่วนโกรธแค้นมาก คิดจะพาหม่อมเจ้าหญิงทั้งสามกลับวัง แต่ท่านหญิงติโลตตมาเตือนว่าถ้าไม่มีใครอยู่คอยขวาง อุรวศีจะประจบเอาสมบัติของเสด็จป้าไปหมด หม่อมต่วนจึงอนุญาตให้ท่านหญิงติโลตตมากับท่านหญิงอทริกาอยู่ต่อไปได้ แต่ท่านหญิงอรุณวาสีต้องกลับวังเพราะเข้าข้างอุรวศีมากเกินไป หม่อมต่วนกำชับท่านหญิงทั้งสองให้หาทางกลั่นแกล้งอุรวศีจนอยู่ที่นั่นต่อไปไม่ได้ ท่านหญิงติโลตตมาและท่านหญิงอทริกาจึงสั่งห้ามนางข้าหลวงในตำหนักพูดจากับอุรวศี ทำให้ทุกคนคอยหลบหน้าหลบตาอุรวศี อุรวศีรู้เข้า ก็ตัดปัญหาด้วยการเข้าเฝ้าคอยถวายงานเสด็จป้าบ่อยๆ จะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใคร

ด้านอนล เมื่อไปถึงเมืองนคสวรรค์ ก็ได้พบกับดวงแข (ยงวรี งามเกษม) บุตรีของพระยาไกรเพชรรัตน์ (สันติสุข พรหมศิริ) และคุณหญิงไกรเพชรรัตน์ (อภิรดี ภวภูตานนท์) ซึ่งมีท่าทางสนใจเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่อนลไม่ได้สนใจดวงแขเลย เพราะชายหนุ่มมีใจให้อุรวศีแม้จะรู้ดีว่าไม่มีหวัง เพราะอุรวศีเป็นถึงหม่อมเจ้าหญิง อนลสืบหาตัวบุญทันจากทนายหน้าหอของพระยาไกรเพชรรัตน์ และนำจดหมายจากอุรวศีไปมอบให้หม่อมสลวยด้วยตัวเองได้สำเร็จ

ขณะที่อุรวศีถูกท่านหญิงทั้งสองแอบเข้ามาค้นห้อง และพบจดหมายที่อนลเขียนเพลงยาวส่งมาให้ อุรวศีจึงไปทวงจดหมายคืน แต่ท่านหญิงทั้งสองกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กลับเอาจดหมายมาคืนให้ต่อหน้าเสด็จป้า เพราะหวังจะให้เสด็จป้ากริ้วอุรวศี ทว่าเคราะห์ดีที่อุรวศีไปปรึกษาสร้อย (นฤมล นิลวรรณ) ข้าหลวงคนสนิทของเสด็จป้าก่อน เสด็จป้าทรงรู้ทัน จึงไม่ทรงเอาพระทัยใส่ข้อหาที่ท่านหญิงทั้งสองใส่ร้าย ทำให้ท่านหญิงติโลตตมาไม่พอพระทัยมาก คิดว่าเสด็จป้าเข้าข้างอุรวศีมากกว่า ขณะที่เสด็จป้าก็ทรงเป็นห่วงอนาคตข้างหน้าของอุรวศี จึงทรงฝากฝังให้สร้อยคอยดูแลอุรวศีหลังจากที่พระองค์มีอันเป็นไป และให้สร้อยมองหาคู่ครองที่เหมาะสมกับชาติกำเนิดของอุรวศีให้ด้วย

ในงานฉลองอภิเสกสมรสระหว่าง หม่อมเจ้าหญิงเมรา (มรกต หทัยวสีวงศ์) พระธิดาของหม่อมเรี่ยม กับ หม่อมเจ้าอธิป (ชินมิษ บุนนาค) พระโอรสของเสด็จในกรมฯ อีกวังหนึ่ง อุรวศีและเพื่อนๆ นางข้าหลวงต่างก็ไปร่วมงานนี้กัน โดยมีสร้อยไปคอยควบคุมดูแล อีกทั้งคอยสอดส่องหาชายหนุ่มเชื้อพระวงศ์ที่เหมาะสมคู่ควรกับอุรวศี ในที่สุดสร้อยก็ตัดสินใจว่า หม่อมเจ้าสุรคม (วิทวัส สิงห์ลำพอง) พระอนุชาต่างมารดาของหม่อมเจ้าอธิป เป็นผู้ที่เหมาะสมกับอุรวศีที่สุด หม่อมเจ้าสุรคมเองก็ดูเหมือนจะพอพระทัยในตัวอุรวศีเช่นกัน ในงานเดียวกัน อนลถือจดหมายของหม่อมสลวยมาหาโอกาสมอบให้กับอุรวศี แต่อุรวศีขอร้องอนลไม่ให้มาพบเธออีก เพราะเรื่องที่เกิดคราวก่อน เสด็จป้าเว้นโทษให้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น อนลผิดหวังที่ความรักระหว่างเธอกับเขา ช่างมีอุปสรรคมากเหลือเกิน

ที่บ้านของพระยารัชปาลี (ดิลก ทองวัฒนา) บิดาของอนล มีผู้อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน คือ เกื้อ (วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์) ผู้มีศักดิ์เป็นอาของอนล เกื้อขาพิการมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาอับอายที่ไม่เหมือนคนอื่น จึงมุมานะเรียนหนังสือจนเก่ง เกื้อเป็นคนหัวก้าวหน้า สนใจระบอบการปกครองที่เอาอย่างมาจากฝรั่ง และมองว่าระบอบการปกครองที่เป็นอยู่ จะทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าได้ยาก ระหว่างที่อนลไปเยี่ยมเกื้อที่บ้าน ก็แอบได้ยินเกื้อ กับ อนึก (โกสินทร์ ราชกรม) พี่ชายของอนลที่เป็นทหาร กำลังสมคบคิดกันวางแผนบางอย่างซึ่งอนลยังจับใจความไม่ได้ชัดเจน จึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ ขณะเดียวกัน ดวงแขกับคุณหญิงไกรเพชรรัตน์มาพักที่บ้านของพระยารัชปาลีโดยอ้างว่าเพื่อรักษาตัว คุณหญิงรัชปาลี (พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ) คุณหญิงรัชปาลีเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะต้องการจับคู่ดวงแขกับอนล ดวงแขพยายามเอาตัวมาใกล้ชิดอนล แต่อนลก็ไม่ได้มีท่าทีชอบพอตอบกลับ

หม่อมเอื้อน (วาสนา พูนผล) หม่อมแม่ของท่านชายสุรคม คิดจะทาบทามอุรวศีให้กับท่านชายสุรคม เมื่อหม่อมต่วนรู้เข้าก็เกิดความริษยา ไม่อยากให้อุรวศีได้ดีไปกว่าลูกๆ ของตน จึงเล่าเรื่องที่หม่อมสลวยหนีไปแต่งงานใหม่ให้หม่อมเอื้อนฟัง และเสนอว่าหากท่านชายสุรคมเสกสมรสกับท่านหญิงอรุณวาสี จะแถมทรัพย์สินเงินทองให้ท่านชายสุรคมไปด้วย หม่อมเอื้อนลังเลเพราะเห็นแก่ทรัพย์สมบัติที่จะได้จากหม่อมต่วน เมื่อเรื่องนี้รู้ถึงหูเสด็จป้า ก็ทรงกริ้วมาก เพราะทรงหมายมั่นปั้นมือว่าจะให้ท่านชายสุรคมเสกสมรสกับอุรวศี

ด้านคุณหญิงรัชปาลีเห็นว่าอนลไม่กระตือรือร้นเรื่องดวงแข จึงแอบไปตกลงกับคุณหญิงไกรเพชรรัตน์และรวบรัดหมั้นหมายอนลไว้กับดวงแขโดยที่อนลปฏิเสธไม่ได้ ขณะเดียวกัน อนลก็สังเกตเห็นความผิดปกติของอนึกกับเกื้อที่มักจะออกไปด้วยกันตอนกลางคืนบ่อยๆ ชายหนุ่มพยายามเลียบๆ เคียงๆ ถามเกื้อ ทว่าเกื้อก็ได้แต่อารมณ์เสียหงุดหงิดใส่ ทำให้อนลคิดจะหาคำตอบให้ได้ว่าอนึกกับเกื้อกำลังทำอะไรกันอยู่

เสด็จป้าประชวรหนักและทรงรู้พระองค์ดีว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน เสด็จป้ารับสั่งกับคุณสร้อยให้ตามท่านหญิงทั้งหมดเข้าเฝ้า หม่อมต่วนจึงรีบนำท่านหญิงทั้งสามมาเข้าเฝ้าเพราะไม่อยากให้อุรวศีได้สมบัติจากเสด็จป้าไปคนเดียว เสด็จป้าจึงทรงแบ่งทรัพย์สินที่มีให้แก่หลานๆ ทุกคน อุรวศีได้ส่วนแบ่งจากเสด็จป้ามากที่สุด ทำให้หม่อมต่วนไม่พอใจเป็นอย่างมาก หม่อมต่วนวางอุบายจะฮุบสร้อยพระศอที่เสด็จป้าประทานให้อุรวศี แต่อุรวศีรู้ทัน เอาสร้อยพระศอคืนมาได้อย่างชาญฉลาด

ด้านเกื้อก็ทนเก็บความลับคับอกไว้ไม่ไหว จึงมาสารภาพกับอนลว่าเขากับอนึกและนายทหารอีกหลายคน กำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครอง อนลตกใจมาก เพราะนั่นเท่ากับว่าเกื้อกับอนึกมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อนลรีบไปเตือนเกื้อให้ถอนตัวออกมาจากขบวนการ เกื้อขอร้องให้อนลไปตามตัวอนึกกลับบ้าน แต่ระหว่างนั้น ข่าวเรื่องขบวนการดังกล่าวได้เล็ดรอดออกไป และมีนายทหารบุกมาจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการดังกล่าว อนลโชคร้ายที่อยู่ในที่เกิดเหตุ จึงพลอยติดร่างแหไปด้วย ขณะที่อนึกหนีเอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิด

ระหว่างการสอบปากคำ อนลไม่ยอมพูดอะไรเลยเพราะไม่อยากให้เกื้อกับอนึกได้รับโทษ แต่นั่นกลับทำให้พระยารัชปาลีโกรธจัด เพราะคิดว่าอนลมีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ พระยารัชปาลีจึงประกาศตัดพ่อตัดลูกกับอนล เกื้อร้อนใจมากที่อนลถูกจับตัว จึงไปปรึกษากับอนึก อนึกได้แต่บ่ายเบี่ยงเพราะกลัวความผิด และคิดจะหาทางหลบหนีออกจากพระนครสักพัก

ดวงแขมาโวยวายกับพระยารัชปาลีและคุณหญิงรัชปาลีเรื่องที่อนลถูกจับกุมตัวไป ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่วันจะถึงงานหมั้น อนึกสบโอกาส จึงขันอาสาเป็นเจ้าบ่าวให้ดวงแขเสียเอง จะได้มีข้ออ้างที่จะหลบหนีไปที่หัวเมืองสักพัก ดวงแขยินยอมเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าว เพราะไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นหม้ายขันหมาก เกื้อเริ่มรู้สึกไม่ยุติธรรมที่อนลจะต้องรับผิดแทนเขากับอนึก จนกระทั่งถึงวันงานแต่งงานของอนึกกับดวงแข เกื้อจึงบุกเข้าไปประกาศความจริงกลางงานว่าเขากับอนึกเป็นผู้ร่วมขบวนการไม่ใช่อนล

อนึกโกรธจัดลงมือทำร้ายร่างกายเกื้อ พระยารัชปาลีจึงมั่นใจว่าอนึกทำผิดจริง อนึกสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป จึงเขียนจดหมายสารภาพความจริง และยิงตัวตายเพื่อชดใช้ความผิดที่ก่อขึ้น อนลได้รับการปล่อยตัวเนื่องจากไม่มีส่วนรู้เห็นกับแผนการ แต่อนลก็สลดใจมากที่อนึกต้องมาเสียชีวิต และเกื้อก็ต้องถูกลงโทษด้วยการคุมขัง

หลังการสิ้นพระชนม์ของเสด็จป้า ตำหนักของเสด็จป้าก็ถูกปิดลง นางข้าหลวงในตำหนักต่างก็แยกย้ายกันไปตามทาง อุรวศีจึงต้องกลับมาอยู่ที่เรือนปั้นหยาที่เสด็จพ่อประทานให้ระหว่างรอให้ท่านชายวิสสุกรรมเสด็จกลับจากต่างประเทศ โดยมีสร้อยตามมาดูแลตามที่ได้รับปากกับเสด็จป้าไว้ ด้านอนลก็ผ่านมาที่เรือนของอุรวศีด้วยความบังเอิญและได้พบกับอุรวศีอีก ทั้งคู่ต่างแบ่งปันความทุกข์ที่มีให้กัน ทำให้ยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น

เจ้าพี่หญิงทั้งสามเสด็จมาที่เรือนของอุรวศี เพื่อต่อว่าเรื่องที่ท่านชายสุรคมจะถอนหมั้นกับท่านหญิงอรุณวาสี เพื่อไปเสกสมรสกับอุรวศี อุรวศีจึงต้องไปพูดกับท่านชายสุรคมด้วยตัวเอง แต่ท่านชายสุรคมไม่ทรงฟัง และทรงยืนยันว่าจะรอจนกว่าอุรวศีจะเปลี่ยนพระทัย ขณะเดียวกัน อุรวศีก็ได้รับจดหมายจากท่านชายวิสสุกรรมว่ากำลังจะกลับมาถึงประเทศไทย ทว่าเมื่อถึงวันกลับ กลับมีแต่หม่อมเจ้าอรชุน (อดิศร อรรถกฤษณ์) พระโอรสองค์โตของหม่อมต่วน เสด็จกลับมาเพียงผู้เดียว เมื่อสอบถามก็ได้ความว่า ท่านชายวิสสุกรรม สิ้นชีพิตักษัยด้วยโรคท้องร่วงระหว่างทาง

อุรวศีสะเทือนพระทัยมากเพราะเท่ากับไม่เหลือใครเป็นที่พึ่งแล้ว ถึงอย่างนั้นหม่อมต่วนก็ยังกลั่นแกล้งอุรวศีไม่ยอมเลิกราด้วยการไม่ยอมมอบพระอัฐิของท่านชายวิสสุกรรมให้อุรวศีไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี อนลจึงช่วยอุรวศีด้วยการปล่อยข่าวลือว่า มีคนพบยมบาลมารับคนตายที่ยังไม่ได้ทำบุญตามประเพณี หม่อมต่วนหวาดกลัวมาก จึงรีบคืนพระอัฐิของท่านชายวิสสุกรรมให้กับอุรวศีทันที

นางแสง ยายของอุรวศีล้มป่วยหนัก อุรวศีอาสามานอนเฝ้านางแสงโดยไม่บอกให้ใครรู้ นางแสงก็เสียชีวิตหลังจากที่เรือนปั้นหยาถูกไฟไหม้และรู้ว่าท่านชายวิสสุกรรมสิ้นชีพิตักชัย ที่เรือนของอุรวศีก็เกิดเพลิงไหม้ สาเหตุของไฟเกิดจากการเผากิ่งไม้ใบไม้ที่หม่อมต่วนเป็นคนสั่งให้เผา เมื่อไฟยังไม่ดับดีก็เกิดลุกลามไปติดกับตัวเรือน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตสามคน คือ คุณสร้อย ผิน (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) และบ่าวของคุณสร้อย แต่คนภายนอกเข้าใจว่าหม่อมสลวยกับอุรวศีอยู่ในบ้านหลังนั้นและเสียชีวิตไปแล้ว ทุกคนจึงปล่อยให้เข้าใจผิดไปแบบนั้น เพราะหวาดกลัวว่าหากหม่อมต่วนรู้ว่าหม่อมสลวยและอุรวศียังไม่ตาย ก็จะหาโอกาสทำร้ายกันอีกไม่มีที่สิ้นสุด จางวางสมเสนอให้หม่อมสลวยกับอุรวศีหนีไปอยู่ที่นครสวรรค์กับบุญทัน จะได้พ้นเงื้อมมือของหม่อมต่วน ขณะที่หม่อมต่วนก็ล้มเจ็บหนักเนื่องจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกัดกินจิตใจ

ที่บ้านของอนล คุณหญิงรัชปาลีที่ป่วยกระเสาะกระแสะหลังจากที่อนึกฆ่าตัวตาย ไม่นานคุณหญิงรัชปาลีก็เสียชีวิตลงเช่นกัน อนลได้ข่าวจากเกื้อว่าอุรวศีสิ้นพระชนม์ในกองไฟพร้อมหม่อมสลวย ก็ยิ่งสะเทือนใจมาก ดวงแขกับบิดามารดามาร่วมงานศพของคุณหญิงรัชปาลีเพราะหวังจะกลับมาสานสัมพันธ์กับอนลอีกครั้ง อนลตัดสินใจออกจากพระนคร ไปรับตำแหน่งอักษรเลขที่เมืองนครสวรรค์ตามคำชักชวนของพระยาไกรเพชรรัตน์ ดวงแขพยายามเข้ามาใกล้ชิดกับอนลมากขึ้น เพราะคิดว่าอนลอาจจะมีเยื่อใยอยู่บ้างจากตอนที่เคยเป็นคู่หมั้นกัน แต่อนลก็ไม่เคยเปิดใจให้ดวงแขเลยสักครั้ง

ด้านอุรวศีหลบหนีหม่อมต่วนไปอาศัยอยู่ในเรือนแพที่เมืองนครสวรรค์ และเปลี่ยนชื่อเป็นอุษา โดยมีจันกับผ่อง (ปวีณา ชารีฟสกุล) พี่สาวของสลวยติดตามไปด้วย ผ่องมีฝีมือด้านการทำอาหาร จึงทำขนมจีนน้ำยาขายที่หน้าแพ ทำให้อุรวศีต้องออกมาช่วยงานบ่อยๆ ถึก (คงณัฐ เชยสุวรรณ) กับคล้อง (ชัชวาล เพชรวิศิษฐ์) บ่าวชายของอนลแวะมาซื้อขนมจีนน้ำยาจึงหว่านล้อมให้อนลกินขนมจีนด้วย

ระหว่างที่อุรวศีกับจันพากันไปเก็บผักเพื่อจะมาขาย ก็เกิดอุบัติเหตุเรือชนเข้ากับเรือของอนลเข้า อนลเห็นหน้าอุรวศีก็จำได้ทันที อุรวศีกับจันรีบกลับเรือนแพเพราะกลัวความแตก ผ่อง หม่อมสลวยและบุญทันช่วยกันโกหกเอาตัวรอด แต่อนลก็ไม่เชื่อ จึงสั่งให้ถึกกับคล้องคอยจับตาดูเวลาที่ผ่องกับจันออกจากบ้านไป เมื่อสบโอกาส ก็เข้าไปในเรือนแพเพื่อจับผิดให้อุรวศีปฏิเสธไม่ได้ อนลยินดีมากที่รู้ว่าอุรวศียังไม่ตาย และตั้งปณิธานว่าขอติดตามอุรวศีไปตลอดชีวิต

ดวงแขวางแผนรวบรัดอนลให้แต่งงานด้วย ด้วยการเข้าไปในเรือนที่อนลพักอยู่ยามวิกาล อนลเห็นท่าไม่ดี จึงหลบไปอีกห้องก่อน เมื่อคุณหญิงไกรเพชรรัตน์เข้ามาตามที่ตกลงกันไว้กับดวงแข จึงเอาผิดอนลไม่ได้ แต่คุณหญิงก็ยังยืนยันให้อนลรับผิดชอบ อนลจึงขอลาออกจากตำแหน่งอักษรเลข เมื่อพระยาไกรเพชรรัตน์รู้เข้าก็ไม่พอใจคุณหญิงกับดวงแขมากที่สิ้นคิด ใช้วิธีต่ำช้าเพื่อมัดมือชกอนลให้เป็นลูกเขย พระยาไกรเพชรรัตน์ไปขอร้องอนลไม่ให้ลาออก แต่จะฝากฝังให้ไปทำงานกับเจ้าเมืองอุทัยธานีแทน

จางวางสม ส่งข่าวว่าหม่อมต่วนตายแล้ว ที่ตำหนักใหญ่ก็กำลังวุ่นวายเรื่องแบ่งสมบัติกัน อนลถามอุรวศีว่าอุรวศีคิดจะกลับพระนครหรือไม่ อุรวศีไม่เห็นประโยชน์ที่จะกลับไป ในเมื่อตอนนี้ก็มีความสุขดี อนลบอกข่าวเรื่องที่เขากำลังจะย้ายไปเป็นอักษรเลขที่เมืองอุทัยธานี จึงจะขอแต่งงานกับอุรวศีก่อน หม่อมสลวยยกให้เป็นการตัดสินใจของอุรวศี อุรวศีตอบตกลง ทั้งคู่จึงพากันย้ายไปอยู่ที่อุทัยธานี ช่วยกันทำมาหากิน ครองรักกันอย่างมีความสุขโดยไม่มีช่องว่างระหว่างชนชั้นมาเป็นอุปสรรคอีกต่อไป