ละคร บ้านปั้นดาว

บ้านปั้นดาว เมก้าสตาร์ มีประธานบริหาร คือ คุณชาร์ล โรเบิร์ต (วิลลี่ แมคอินทอช) อดีตดาราฮอลลีวูด เจ้าของรางวัลเมก้าซูเปอร์สตาร์เพียงคนเดียวในโลก เป็นลูกครึ่งไทยอเมริกัน ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักโรเบิร์ต เขามีเพื่อนสนิทชื่อ คิตตี้ (เกียรติศักดิ์ อุดมนาค) ที่ชอบมโนว่าตัวเองเป็นดาราดังไม่ต่างจากโรเบิร์ต เมื่อคลื่นลูกใหม่มาแซงคลื่นลูกเก่า ทั้งสองคนจึงตัดสินใจร่วมหุ้นกันเปิดบ้านเมก้าสตาร์ บ้านที่มีจุดประสงค์เพื่อปั้นดินให้เป็นดาว และหาเมก้าซูปเปอร์สตาร์คนต่อไปที่จะมาแทนโรเบิร์ต การประกวดเมก้าสตาร์จึงเริ่มต้นขึ้น

บ้านปั้นดาวแห่งนี้รับเด็กฝึกเข้ามา 5 คน ได้แก่ คริส (สมิตพงษ์ สกุลพงศ์ชัย) เมฆ (ยศวรรธน์ ทะวาปี) โซฟา (จักรภัทร อังศุธนมาลี) สามหนุ่มสามแนว และ ดรีม (อังคณา วรรัตนาชัย) กับ ปันปัน (ภัณฑิรา พิพิธยากร) สองสาวผู้น่ารักสดใส นอกจากเด็กฝึกทั้งห้าคนแล้ว โรเบิร์ตและคิตตี้ยังมี อุดม (นิมิตร ลักษมีพงศ์) เป็นพ่อบ้าน และ คุณเอื้อมดาว (ดีใจ ดีดีดี) เป็นคนดูแลกฎระเบียบของบ้านปั้นดาวแห่งนี้อีกด้วย เด็กฝึกทั้ง 5 คนจะต้องฟันฝ่าภารกิจในแต่ละวันที่เกิดขึ้น และด้วยความที่มาจากครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน ก็ทำให้มีปัญหากันเองอีก

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีเด็กนอกบ้านที่อยากเป็นเด็กในบ้านเข้ามาคัดเลือกทุกวัน แต่ละคนมีแนวทางและลีลาไม่เหมือนใคร บางคนก็ดูดี บางคนก็ดูไม่ได้ นอกจากอุปสรรคที่จะไปถึงดวงดาวให้ได้แล้ว ยังมีเรื่องส่วนตัวที่เข้ามาเป็นปัญหา มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น การกลั้นแกล้งกัน เพื่อให้ได้เป็นดาวดัง ไม่แค่นั้น ยังมีคู่แข่งทางธุรกิจของโรเบิร์ตอีก นั่นคือ แพรวพราว (กัญญา รัตนเพชร์) แสงเจ้าของ แพรวโมเดลลิ่ง ซึ่งมีเพื่อนสนิทคือ ชิดจันทร์ (แรกขวัญ จิระกุล) สองคนนี้จะคอยวางแผนหาทางทำลายโรเบิร์ตกับคิตตี้ตลอดเวลา

เด็กฝึกทั้ง 5 คน รวมถึงคนที่เข้ามาคัดเลือกมีสิ่งที่ต้องการเหมือนกันก็คือ การได้เข้าไปอยู่ในที่พักซึ่งเคยบ้านพักของเหล่าดาราดังมาก่อน แต่การที่จะได้เข้าไปอยู่ในบ้านนี้ เหล่าเด็กฝึกต้องทำกระแสของตัวเองให้สูงเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ จากการนำเสนอสินค้าและคลิปวิดีโอการคัดเลือกศิลปินของตัวเอง ทุกอย่างเหมือนจะไปด้วยดี แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อมีเด็กฝึกสองคนแอบรักกัน ซึ่งแหกกฎของบ้าน เด็กฝึกสองคนนั้นคือ ดรีมกับโซฟา ปันปันมารู้เรื่องเข้าจึงพยายามห้ามแต่ไม่สำเร็จ โซฟากับดรีมเลิกรักกันไม่ได้ ปันปันสงสารเพื่อนจึงยอมช่วยปิดไม่ให้ใครรู้ แต่คริสบังเอิญมาเห็นและได้ยิน จึงคิดอยากตัดคู่แข่ง เขาไปบอกโรเบิร์ต โรเบิร์ตไม่พอใจเรียกดรีมกับโซฟามาคุย และคาดโทษ ปันปันเข้าใจผิด คิดว่าเมฆเป็นคนไปฟ้องโรเบิร์ต เพราะก่อนเกิดเหตุ ปันปันเห็นเมฆคุยกับโรเบิร์ตอยู่ ปันปันต่อว่าเมฆอย่างรุนแรงที่หักหลังเพื่อน เมฆปฏิเสธยังไง ปันปันก็ไม่เชื่อ

ความขัดแย้งระหว่างเมฆกับปันปันรุนแรงมากขึ้น ทำให้เด็กทั้งห้าคนแตกแยกไม่สามัคคีกัน บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความอึดอัดไม่สดใส ซึ่งมีผลกับการทำงาน แต่ละคนพลาดงานติดๆ กัน โรเบิร์ตเริ่มประสบปัญหาการเงิน จึงต้องไปกู้เงินนอกระบบโดยที่ไม่มีใครรู้ แต่ความลับไม่มีในโลก เมื่อเจ้าหนี้บุกมาที่บ้าน ทำลายข้าวของและขู่ว่าถ้าโรเบิร์ตไม่มีเงินมาคืนภายในสามวันจะเผาที่นี่ทิ้ง ทุกคนตกใจมากที่ได้รู้ความจริง โรเบิร์ตขอโทษทุกคน พร้อมทั้งจ่ายเงินให้อุดม เอื้อมดาว และส่งเด็กทั้งห้าไปให้แพรวปั้น เพราะเขาจะขายที่นี่ทิ้ง ปิดตำนานบ้านปั้นดาวแห่งนี้ แต่ทุกคนไม่ยอมและช่วยกันหาเงินมาทำให้โรเบิร์ตใช้หนี้ได้จนหมด โรเบิร์ตฮึดสู้อีกครั้ง ตัดสินใจไม่ขายบ้านและเรียกทุกคนให้กลับมาช่วยกัน ทุกคนร่วมมือร่วมใจช่วยกันทำให้บ้านแห่งนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เด็กทั้งห้าคนผ่านงานมากมาย ทุกอย่างกำลังจะไปได้ด้วยดี

แต่ความลับไม่มีในโลก เมื่อความลับของคริส โซฟา และดรีมถูกเปิดเผยลงในอินเทอร์เน็ต ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยความลับเหล่านั้น แต่มันถูกแพร่ไปแล้วกว่าหมื่นครั้ง คริส โซฟา และ ดรีมถูกนักสืบออนไลน์ตามขุดตามคุ้ย ทั้งสามคนถูกโรเบิร์ตสั่งพักงาน จึงเหลือแต่เมฆกับปันปันสองคนที่จะได้ชิงความเป็นดาวเด่น ก่อนจะถึงวันตัดสินใจไม่กี่วัน คิตตี้บอกโรเบิร์ตว่าสืบรู้ตัวคนปล่อยความลับของคริส โซฟาและดรีมแล้ว คนนั้นคือหนึ่งในสองคนที่จะเข้าชิงตำแหน่งดาวเด่น โรเบิร์ตตกใจมาก เขาาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะเป็นเมฆหรือว่าปันปัน ร่วมกันหาคำตอบของปมสุดท้ายได้ในละคร