ละคร มนต์รักหนองผักกะแยง

ดู 2,578 ครั้ง / แชร์
ละครออกอากาศ วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์
ช่องที่ออกอากาศ ละครช่อง 3
เริ่มออกอากาศ 14 พฤษภาคม 2564
เวลาออกอากาศ 20:30 - 22:30 น.
  
กำกับโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ประพันธ์โดย ช.เรเชล
นำแสดงโดย
เมลดา สุศรี ... ชมพู่
ณเดชน์ คูกิมิยะ ... ธรากร / เขียว
ยิ่งยง ยอดบัวงาม ... น้าพิลา
ปภาวดี โพธิ์งาม ... ยายเพียร
หยอง ลูกหยี ... มานิต
สมจิตร จงจอหอ ... สมศักดิ์
สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ ... พิไล
คาลิยา นิฮุต ... อลิซ
ภูศิลป์ วารินรักษ์ ... ยอด
อนุสรา วันทองทักษ์ ... ส้มแป้น
กมลรัศมิ์ อารีสนั่น ... กระเจี๊ยบ
รุ่งฤดี ข้อยุ่น ... มายด์
รุ่งราตรี ข้อยุ่น ... มินท์
แดนนี่ ลูเซียโน่ ... ครูริช
นับตังค์ นันท์ณภัส ... ครูน้ำฝน
ณัชพงศ์พล สุดดี ... มอส
ผู้สร้าง บริษัท ดูเอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด

ภาพนิ่งจากละคร

เรื่องย่อ มนต์รักหนองผักกะแยง

ธรากร หรือ เขียว (ณเดชน์ คูกิมิยะ) มีคู่หูคู่ปรับอยู่ข้างบ้านชื่อเด็กหญิงชมพู่ (เมลดา สุศรี) ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พอโตขึ้นเขียวย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน ที่เคยเป็นนักเรียนยอดนิยม นักกีฬาตัวเด่น เขียวกลายเป็นไอ้บ้านนอกไอ้ลาวเด็กอีสานพูดไทยไม่ชัด โดนเพื่อนร่วมชั้นนอกชั้นกลั่นแกล้งสารพัด กลายเป็นตัวตลกในโรงเรียน ธรากรสติแตกโทษว่าเป็นความผิดยายที่เป็นคนอีสาน ทำให้ตัวเองต้องโดนเพื่อนแกล้งไม่มีใครยอมรับแบบนี้ จึงประกาศกร้าวว่าจะไม่กลับไปบ้านหนองกะแยงอีก ยายเพียร (ปภาวดี โพธิ์งาม) เสียใจมากแต่ไม่โกรธโทษหลานรัก ตรงกันข้ามกลับเป็นห่วงหลานอย่างสุดหัวใจ ธรากรฝึกพูดภาษาไทยจนชัดโดยที่ไม่มีสำเนียงอีสาน ได้กลับมาเป็นหนุ่มที่หลายคนหมายปองอีกครั้งหนึ่ง มันคือชีวิตที่สมบูรณ์แบบของหนุ่มวัยรุ่น

ชมพู่จบ ม. 6 สอบติดคณะเกษตรที่มหาวิทยาลัยประจำจังหวัด ส่วนเขียวได้เข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ วันรับปริญญาของเขียวชมพู่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาแสดงความยินดี แต่เขาทำเมินดูถูกว่าชมพู่เป็นเด็กบ้านนอก ไม่ได้สนิทกัน มาทำไม ชมพู่โกรธและเสียใจมาก พอเรียนจบชมพู่ได้งานเป็นเจ้าหน้าที่เกษตรประจำจังหวัดและภายหลังตัดสินใจลาออกมาลงมือทำไร่แบ่งฝันปันรัก ไร่อินทรีย์ สอนและช่วยเหลือชาวบ้านหนองกะแยง ดูแลพ่อและแม่อย่างมีความสุข ส่วนเขียวพอเรียนจบก็ได้งานเป็นผู้กำกับละครตั้งแต่อายุยังน้อย ได้แฟนชื่ออลิซ (คาลิยา นิฮุต) เป็นนางร้าย เขียวรักมากหลงมาก รับงานที่ผ่านเข้ามา ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อผ่อนคอนโดฯ หลักหลายล้านที่ทำสัญญาซื้อในชื่อของอลิซ ตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอและใช้สู่ขอแฟนสาว ระหว่างที่เขียวกำลังฝันหวาน อลิซก็นำโฉนดไปแล้ว เท่านั้นยังไม่พออลิซประกาศแต่งงานกับชายอื่นแบบสายฟ้าแลบ เขียวช็อกแทบบ้า เงินไม่เหลือ ติดต่ออลิซไม่ได้ สุดท้ายเขียวจึงจำใจ กลับบ้านหนองกะแยงในที่สุด

เขียวมาถึงบ้านหนองกะแยงวันงานบุญของหมู่บ้าน โดยมีชมพู่ขับรถมารับ ปิดหน้าปิดตาจนเขียวจำไม่ได้ ที่สำคัญ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ต้องพบกับเรื่องราวมากมายเกินบรรยาย จนเขียวถึงกับร้องไห้ออกมา ทั้งยายเพียร มานิต (หยอง ลูกหยี) พิไล (สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ) น้าพิลา (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) ต่างดีใจที่เขียวกลับมาบ้าน แต่เขียวกลับมองว่า หากวันหนึ่งเขาขายที่ดิน ซึ่งเป็นสมบัติของครอบครัวได้เมื่อไร จะหอบเงินกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯ ให้ได้ ชมพู่มาเช่าที่ดินของยายเพียรเพื่อทำไร่เกษตรอินทรีย์ มีชื่อว่า ไร่แบ่งฝันปันรัก ไร่อินทรีย์แห่งนี้มีการจัดสรรพื้นที่ให้มีการทำนา ปลูกผักหมุนเวียน ปลูกผลไม้หลายชนิดที่ผลัดกันออกผลผลิตครบทุกฤดู เลี้ยงไก่อินทรีย์ เลี้ยงไส้เดือน ใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ ปุ๋ยหมักเศษอาหาร และน้ำหมักชีวภาพ ไร่นี้ไม่มีลูกจ้าง อาศัยแรงงานอาสาสมัคร ชาวบ้าน ครูและนักเรียน มีการตอบแทนแรงงานด้วยตะกร้าอาหารผลผลิตจากไร่ อาสาสมัครตัวหลักประจำไร่คือครูริช ครูอาสาชาวอเมริกันสอนภาษาอังกฤษ ณ รร.บ้านหนองกะแยง หนุ่มรูปหล่อนิสัยดีเป็นคนติดดินพูดอีสานได้ชอบวัฒนธรรม อาหารอีสาน แถมยังชอบสาวอีสานที่ชื่อชมพู่อีกด้วย

ชมพู่เปิดตัวว่าเป็นเจ้าของโครงการไร่ เขียวเจรจาขอให้เธอยกเลิกสัญญา ชมพู่จึงมีข้อแม้ ให้เขียวเรียนรู้เรื่องการทำเกษตรจนครบทุกด่านเสียก่อน แล้วเธอจะยอมคืนไร่แบ่งฝันปันรักให้ การกลับมาครั้งนี้ เขียวได้พบกับเพื่อนเก่าอย่างยอด (เต๋า ภูศิลป์) และส้มแป้น (อนุสรา วันทองทักษ์) ซึ่งตอนนี้ยอดกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หลังจากที่กระเจี๊ยบ (กมลรัศมิ์ อารีสนั่น) เมียของเขาทิ้งไปมีสามีใหม่ ส่วนส้มแป้นก็เปิดร้านขายส้มตำ เลี้ยงดู มายด์ (รุ่งฤดี ข้อยุ่น) มินท์ (รุ่งราตรี ข้อยุ่น) ลูกสาวฝาแฝดสองคน เพราะสามีเอาแต่กินเหล้าและติดการพนันจนต้องแยกทางกัน ถึงแม้เขียวจะไม่เต็มใจทำงานในไร่นัก แต่กาลเวลาก็ทำให้เขาเกิดความรัก ความผูกพันกับบ้านเกิดอีกครั้ง ความสัมพันธ์อันเอื้อเฟื้อ มีจิตใจอันงดงามของผู้คนที่บ้านหนองกะแยง ทำให้เขียวเริ่มเปลี่ยนไป เขียวเริ่มเรียนรู้วิถีชีวิตที่แท้ทั้งเรื่องการทำนาข้าวอินทรีย์ การเลี้ยงไส้เดือน การปลูกผักอินทรีย์ การทำน้ำส้มควันไม้ การเลี้ยงไก่อารมณ์ดี การทำน้ำหมักหลากสูตร อีกทั้งประเพณีของชาวอีสานอีกต่าง ๆ มากมาย ที่แสดงถึงความรักสามัคคีที่มีต่อกัน

จากคนที่ไม่อยากพูดภาษาอีสาน เขียวกลับมาพูดภาษาอีสานอีกครั้งอย่างภาคภูมิใจ ส่วนครูริช (แดนนี่ ลูเซียโน่) ก็ยังคงหลงรักชมพู่ โดยไม่ได้หันไปมองครูน้ำฝน (นับตังค์ นันท์ณภัส) เลยว่าเธอเองก็รักและหวังดีต่อครูริชเช่นเดียวกัน เขียวเริ่มตัดใจจากคนรักเก่าได้แล้ว และเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักชมพู่เข้าให้แล้ว ทั้งพิลา พิไล ยายน้อย มานิต สมศักดิ์ (สมจิตร จงจอหอ) ต่างเอาใจช่วยให้ชมพู่และเขียวรักกัน เขียวเห็นว่าชมพู่สนิทสนมกับครูริชมาก ก็ลังเลและนึกน้อยใจ โดยที่ไม่มีใครรู้เลย ว่าชมพู่นั้นรักเขียวมาตั้งแต่วัยเด็ก และหัวใจของเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง รอคอยวันที่เขียวจะกลับมาที่บ้านหนองกะแยงอีกครั้ง ครูริชได้รับรู้หัวใจของชมพู่ในที่สุด ว่าทั้งสี่ห้องของเธอมีแต่เขียวเพียงคนเดียวเท่านั้น ครูน้ำฝน ปลอบใจครูริช จนทำให้ครูริชใจอ่อน ยอมเปิดใจให้กับครูน้ำฝน ส่วนยอดและส้มแป้นก็มาช่วยงานที่ไร่แบ่งฝันปันรักเสมอ หัวใจที่เคยอ้างว้าง ผิดหวังของทั้งสองคน ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสองครอบครัวหล่อหลอมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว

รวงข้าวในนาเริ่มตั้งท้อง มองไกลๆ เห็นเมล็ดข้าวสีเขียวสีเหลืองอ่อนสลับกับสีทองระยิบระยับแล้ววันหนึ่ง มอส (ณัชพงศ์พล สุดดี) ก็ยกกองถ่ายทำมาที่บ้านหนองกะแยง โดยมีอลิซมาด้วย อลิซเลิกกับสามีแล้วและตามกลับมาขอคืนดีกับเขียว เขียวสับสนว่าจะเลือกทางไหน ส่วนชมพู่ก็ร้องไห้เสียใจ ยิ่งเมื่อยายเพียรและครอบครัวรู้ความจริงว่าเขียวจะขายที่ ทำให้ทุกคนผิดหวัง เสียใจมาก ชมพู่คืนสัญญาการเช่าไร่แบ่งฝันปันรักให้ แล้วเดินจากเขียวไปแบบหัวใจสลาย