ละคร มหัศจรรย์พันธุ์ซ่า

ดู 2,179 ครั้ง / แชร์
ละครออกอากาศ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส วันศุกร์
ช่องที่ออกอากาศ ละครช่อง 3
เริ่มออกอากาศ 21 พฤศจิกายน 2556
เวลาออกอากาศ 17:45 - 18:45 น.
  
กำกับโดย ปกาสิต กิ่งศักดิ์
ประพันธ์โดย ปันฝัน
นำแสดงโดย
กฤชพล จารุศักดิ์ ... โมน
ปณิตา ธนโชติธรากร ... นุ่น
เสฐฐวุฒิ รุมพล ... แม็ก
ภทรกร สลามเต๊ะ ... สิน
พิชชา ชินวัตร ... นิ่ม
พีรพล เพิ่มเพ็ชร ... เต่า
ชฎาพร รัตนากร ... มินตรา
พิชญากร แช่มช้อย ... พัชร
อุ่นเรือน ราโชติ ... ลูกจัน
ศิรินุช เพ็ชรอุไร ... ป้าฉวี
ผู้สร้าง บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท จันทร์ 25 จำกัด

ภาพนิ่งจากละคร

เรื่องย่อ มหัศจรรย์พันธุ์ซ่า

แม็ก (เสฐฐวุฒิ รุมพล) (เด็กชาย 10 ปี) ในช่วงวัยที่อยากรู้อยากเห็น อยากทำตัวทันสมัย ฮิปและอินเทรนด์ เหมือนกับเพื่อนๆบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้ เพราะ มินตรา (ชฎาพร รัตนากร) แม่ของพวกเขากำลังประสบปัญหาเรื่องการเงินอยู่ ทำให้ แม็ก ถูก เต่า (พีรพล เพิ่มเพ็ชร) และเพื่อนๆ จอมกวนที่โรงเรียนล้อบ่อยๆ เรื่องไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีไอแพด ไม่มีของเล่นทันสมัย แม็กพยายามเก็บความน้อยใจเอาไว้ เพราะเห็นใจแม่ที่ต้องทำงานเลี้ยงดูพวกตนเพียงลำพัง เนื่องจากพ่อเสียไปหลายปีแล้ว ชีวิตของแม็กจึงอยู่อย่างเงียบๆ พยายามทำตัวเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนเพื่อให้แม่สบายใจ โดยมี โมน (กฤชพล จารุศักดิ์) พี่ชาย (วัย 16 ปี) ที่มีปัญหาที่โรงเรียนไม่ต่างจากแม็กคอยให้กำลังใจ แต่มันแย่หนักขึ้นเมื่อธุรกิจของมินตราเกิดวิกฤตจนต้องขายบ้านเดิมทิ้งไปใช้หนี้และไปขออาศัยอยู่บ้านเรือนไทย ของ คุณป้าฉวี (ศิรินุช เพ็ชรอุไร) ที่คุณปู่ทิ้งร้างไว้ไม่มีใครไปอยู่ แม็กและโมนพากันคอตกที่ต้องมาอยู่บ้านเก่าๆ ที่บรรยากาศแสนจะอึมครึม ดูวังเวงชวนขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก

ป้าฉวีเล่าให้เด็กๆ ฟังว่าจริงๆ แล้วเรือนไทยหลังนี้เก่าแก่มีอายุเป็นร้อยปี ชอบมีคนหายสาบสูญไปบ่อยๆ จนไม่มีใครกล้ามาอยู่ ทำเอาทุกคนขนลุกขนพอง แต่ก็ต้องจำใจอยู่เพราะไม่มีที่ไป โดยเฉพาะห้องเก็บของเก่าของคุณปู่ที่ชอบมีเสียงแปลกๆ ดังออกมาให้สะดุ้งเฮือกอยู่หลายครั้ง แม็กออกอาการเซ็งกับการมาอยู่บ้านหลังนี้ที่สุด ในขณะที่โมนดีใจที่รู้ว่าเพื่อนบ้านใกล้ๆ คือ พัชร (พิชญากร แช่มช้อย) เจ้าของ ไอไฮเทค (I-Hitec) บริษัทยักษ์ใหญ่นำเข้าสินค้าเทคโนโลยีต่างๆ พ่อของ นุ่น / นิราวัลย์ (ปณิตา ธนโชติธรากร) เพื่อนร่วมชั้นที่น่ารัก และเรียนเก่ง แต่ นิ่ม (พิชชา ชินวัตร) (10 ขวบ) น้องสาวของนุ่นเพื่อนร่วมชั้นของแม็ก กลับไม่ชอบหน้าแม็กและพี่ชาย เพราะไม่ได้อินเทรนด์เหมือน ลพ เพื่อนร่วมชั้นนุ่นอีกคน ที่ชอบซื้อขนมและของเล่นมาเอาใจนิ่มเพื่อตีสนิทนุ่น มินตรา แม็กและโมน ช่วยกันทำความสะอาดและทำให้บ้านเก่าๆ น่าอยู่ขึ้นมาก แต่ความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับเสียงในห้องเก็บของ ทำให้ แม็ก ทนไม่ไหว ต้องอาศัยความกล้าสุดติ่งเข้าไปพิสูจน์กลางดึกว่าเสียงนั้นคืออะไร ในห้องนั้นเองแม็กได้พบกับ กระดานชนวนเก่าแก่ พร้อมดินสอหิน เก็บไว้ในหีบอย่างดี ท่ามกลางแสงจันทร์เต็มดวง แม็กอ่านคาถาสันสกฤตที่สลักไว้ด้านหลังกระดานชนวนผิดๆ ถูกๆ ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ และใช้ดินสอหินวาดรูปประตูเล่น สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ สิน (ภทรกร สลามเต๊ะ) (วัย 10 ปี) เด็กชายหัวจุกจากสมัยอยุธยา ปรากฏตัวออกมาจากกระดานชนวน

แม็กตกใจมากคิดว่าสินเป็นผี แต่เมื่อจับตามตัว สินมีร่างกายปกติมีไออุ่น มีลมหายใจ ทำให้แม็กตื่นตะลึง ในขณะที่สินดีใจมากที่ได้ออกมาจากกระดานชนวนเสียที สินเล่าว่าอยู่ชอบไปวิ่งเล่นที่เรือนของเจ้าของกระดานชนวนที่ได้รับมรดกตกทอดมาแต่บรรพบุรุษ สินแอบดูเจ้าของเรือนใช้กระดานชนวนหลายครั้ง แต่ด้วยสินไม่รู้ความและนึกสนุก อยากลองใช้กระดานชนวนบ้างจึงแอบไปขีดเขียนเล่นมั่วๆ ทำให้ถูกขังอยู่ในกระดานมานานจนแทบไม่รู้วันเวลา ตอนนี้เมื่อออกมาได้มันกลับเป็นเวลาที่ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว สินไม่รู้จะกลับไปยังไง แม็กเองก็ได้แต่เกาหัว เพราะไม่รู้เช่นกัน อีกทั้งสินเองก็จำไม่ได้ว่าเจ้าของกระดานนี้ชื่ออะไร แต่เรื่องที่ปวดหัวกว่าคือแม็กไม่รู้จะบอกแม่และพี่ชายเกี่ยวกับสินที่จู่ๆ ก็โผล่มาจากกระดานชนวนได้ยังไง จึงให้สินแอบอยู่ในห้องเก็บของไปก่อนจนกว่าจะคิดอะไรออก แต่สินก็แอบออกมาวิ่งเล่นทำให้ โมนตกใจอยู่บ่อยๆ ในขณะที่วิกฤตการเงินของมินตราแย่ลงเรื่อยๆ มีพวกทวงหนี้นอกระบบมาถึงที่บ้าน แม็กและโมนต่างตกใจกลัวและเป็นกังวล จนคิดจะออกจากโรงเรียนมาหางานทำช่วยแม่หาเงิน มินตรารีบห้ามลูกๆ และบอกว่าเด็กๆ มีหน้าที่เรียนหนังสือ เธอจะพยายามแก้ปัญหานี้เอง แม็กได้แต่บ่นปรึกษาสินเรื่องนี้ สินว่าเขาขอให้แม็กช่วย แต่กลับต้องมาช่วยแม็กก่อนหรือนี่ แต่ด้วยความเจ้าปัญญาทำให้สินรู้ว่า มินตราเป็นคนทำขนมไทยได้ดี ถ้าได้สูตรขนมอร่อยๆ มาทำขายน่าจะไปได้ดี แม็กว่าแล้วจะไปเอาสูตรขนมไทยที่ไหนมาให้แม่ สินว่ามีคนหนึ่ง เคยได้ยินชื่อเสียว่าทำขนมเก่งมาก นั่นก็คือ ท้าวทองกีบม้า แม็กตื่นเต้นว่าสินจะพาไปหาท้าวทองกีบม้าเพื่อถามสูตรขนมจริงๆ เหรอ สินยักคิ้วเจ้าเล่ห์พร้อมให้ แม็ก ใช้ดินสอหินของกระดานชนวนเขียนชื่อ "ท้าวทองกีบม้า" ลงไป

ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นในทันทีเพราะแม็กและสินถูกกระดานชนวนดูดหายไปและไปโผล่อีกที่สมัยพระเพทราชา แม็กตื่นเต้นมากแต่ก็นึกได้ว่าจะกลับไปยังไง สินหยิบดินสอหินที่ติดมือมาด้วยให้แม็กดู และว่าจะกลับไปยังที่ๆ มาก็แค่ ใช้ดินสอหินวาดรูปกระดานชนวนที่พื้น กระดานก็พาทุกคนกลับไปเอง ดังนั้นห้ามทำดินสอหินหายเด็ดขาด แม็กสบายใจขึ้นจึงออกเดินทางไปกับสิน จนได้พบกับ มารี กีมาร์ เดอ ปีนา (ท้าวทองกีบม้า) ที่นั่งเรือกลับมาที่กรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง หลังจากที่ได้หนีภัยไปขอให้นายพลแดฟาร์ซ นายพลเรือชาวฝรั่งเศสช่วยพาตนหนีออกจากแผ่นดินของกรุงศรีอยุธยา เหตุเพราะเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ได้ถูกสมเด็จพระเพทราชาจับตัวไปประหารชีวิต อันเนื่องมาจากข้อกล่าวหาที่ว่า คิดคดทรยศต่อกรุงศรีอยุธยา แต่มารีกลับถูกนายพลแดฟาร์ซ ปฏิเสธไม่ยอมให้ความช่วยเหลือใดๆ อ้างว่าไม่ต้องการที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อสมเด็จพระเพทราชา และขุนหลวงสรศักดิ์ พระราชโอรสของสมเด็จพระเพทราชา ที่ทรงหลงใหลในตัวมารีจนอยากที่จะได้มาเป็นสนม ทำให้มารีต้องกลับมาผจญกับชะตากรรมด้วยตนเอง แต่แม็กและสินไม่รู้ว่าคนที่ตนเองพบคือท้าวทองกีบม้า สินแม้ฉลาดแต่ก็ไม่ได้รู้ไปหมดทุกเรื่อง ทำให้ทั้งคู่ต้องพยายามออกตามหาท้าวทองกีบม้าไปทั่ว จนจับผลัดจับผลูติดไปกับขบวนของ มารีและ ยอร์ช ฟอลคอน (ลูกชายมารีวัย 6 ขวบ) ที่ถูกนำตัวไปที่วังของ ขุนหลวงสรศักดิ์ ซึ่งในสมัยนั้นได้รับพระราชทานแต่งตั้งให้เป็นท่านมหาอุปราช แต่ด้วยความที่มารีเป็นชนชาวคาทอลิกที่ไม่ต้องการจะเป็นสนมของขุนหลวงสรศักดิ์ มารีจึงไม่ยอมที่จะถวายตัวให้กับขุนหลวงสรศักดิ์ ทำให้ท่านมหาอุปราชทรงกริ้วและสั่งให้ทหารจับตัวไปขังที่ในคอกม้า ส่วนลูกชายก็ให้ไปทำงานในเรือนเครื่องต้น (ห้องครัวในวัง) ในที่สุดแม็กและสินก็รู้ว่า มารี คือท้าวทองกีบม้าต่างดีใจและว่าตัวเองที่ไม่รู้อะไรเอาเสียเลย พร้อมได้ช่วยมารีทำขนมและเรียนรู้เคล็ดลับนำกลับไปให้แม่ มารีได้มีโอกาสทำขนมถวายให้มหาอุปราชจนได้รับคำชม

โมนเห็นแม็กหายไป หาทั่วบ้านไม่เจอก็เป็นห่วง จะไปแจ้งความแต่แม็กและสินก็กลับมาทันเวลา แม็กรีบจดสูตรที่ได้มาไปให้มินตราและบอกว่าเป็นสูตรขนมโบราณเก่าแก่ มินตราแปลกใจแต่ก็ลองทำดูและได้ขนมไทยอยุธยาสูตรโบราณแท้ หอมหวานอร่อยจนขายดิบขายดี มีคนมาสั่งมากมาย เมื่อแก้วิกฤตหนี้สินไปได้ แม็กพยายามหาข้อมูลที่มาของสิน เพื่อหาทางพาสินกลับไปยังยุคสมัยของตนเองได้ถูกต้อง นิ่มและลูกจัน (อุ่นเรือน ราโชติ) เห็นแม็กอยู่กับเด็กประหลาดอย่างสินในบ้าน ทำลับๆ ล่อๆ หลายครั้งก็สงสัย พยายามแอบดูแต่ก็ไม่ได้เห็นสินเต็มๆตาสักครั้ง จนกระทั่งที่โรงเรียนนิ่มต้องทำรายงานเกี่ยวกับบางระจันกลุ่มเดียวกับแม็กอย่างไม่เต็มใจ ทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องรายงานจนใกล้เวลาต้องส่ง รายงานก็ยังไม่เสร็จเสียที นิ่มทั้งเบื่อและเซ็งจึงแอบเข้าไปสำรวจดูในบ้านของแม็ก เรื่องเด็กประหลาดที่เห็นบ่อยๆ จนไปเจอกระดานชนวนเข้าก็เอามาขีดเขียนเล่นโดยไม่รู้ว่ากำลังหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเอง นิ่มนึกถึงรายงานที่ต้องทำจึงเขียนคำว่า "บางระจัน" ลงไปในกระดาน จู่ๆ ก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นทำให้นิ่มร้องลั่น แม็กและสินรีบวิ่งตามมาเห็นเข้า ทั้งสามจึงหายตัวเข้าไปในกระดานชนวนพร้อมกัน และไปโผล่เอากลางสนามรบบางระจันจนวิ่งหนีกันสุดชีวิต

ทั้งสามหลุดมายุคบางระจันอย่างไม่ตั้งใจทำให้ไม่ได้หยิบดินสอหินติดมือมาด้วย สินบอกว่าไม่มีดินสอหินก็ไม่มีทางกลับออกไป นิ่มร้องไห้จ้าโทษว่าเป็นความผิดของแม็กที่เก็บของประหลาดไว้ ทำให้เธอเดือดร้อน แม็กจึงว่าเป็นความอยากรู้อยากเห็นและแตะต้องของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตของนิ่มเองที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ นิ่มจึงเอาแต่ร้องไห้ด้วยความกลัวจะไม่ได้กลับบ้านอีกแล้ว พัชรและนุ่นเห็นนิ่มหายไปก็ไม่สบายใจ ลูกจัน สาวใช้จอมจุ้น รีบบอกว่าเห็นนิ่มไปที่บ้านของแม็ก พัชรจึงมาไปตามหานิ่ม ด้วยความห่วงลูกสาวและเข้าใจผิดว่าบ้านมินตราเป็นพวกประหลาด อยู่เรือนไทยเก่าๆ ล้าสมัย แม็กและโมนก็เป็นเด็กเกเร ตามคำบอกเล่าของลูกจันและลพ จึงพูดจากไม่ดีกับ มินตรา ทำให้มินตราโกรธ ไล่พัชรกลับไป โมนเห็นว่าแม็กก็หายไปด้วยเหมือนกัน จึงรีบอาสากับนุ่นว่าจะช่วยดูให้ จนมาเจอกระดานชนวนและดินสอหิน กระดานชนวนดึงโมนไปที่ยุคบางระจันอีกคน โมนตกใจมากทำอะไรไม่ถูกเกือบถูกทหารหงสาจับตัวไป โชคดีได้ นายจันหนวดเขี้ยว มาช่วยไว้และพาไปที่หมู่บ้านจึงได้เจอกับพวกเด็กๆ และรู้ความจริงทั้งหมด หมู่บ้านบางระจันกำลังจะแตก โมนนึกได้ว่าเอาดินสอหินติดมือมาด้วย สินรีบวาดรูปกระดานชนวนที่พื้นพาทุกคนกลับมาได้ทันท่วงที เด็กๆ นึกเศร้าที่รู้ว่าหมู่บ้านบางระจันแตกพ่ายเพราะความแตกแยกและการทะเลาะกัน นิ่มและแม็กจึงสัญญาว่าจะไม่ทะเลาะกันอีกจนทำรายงานเสร็จได้รับคำชมจากคุณครู

ด้านโมนหาทางให้สินได้อยู่ที่บ้านอย่างเด็กธรรมดาๆ จึงบอกมินตราว่าสินเป็นเด็กกำพร้าหลงทาง มาตามหาญาติ ไม่มีที่ไป มินตราสงสารจึงยอมให้สินมาอยู่ด้วยจนกว่าจะติดต่อญาติได้ ทุกคนพากันดีใจที่สินไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีก แต่แล้วความลับก็ไม่สามารถเป็นความลับได้อีก เพราะความคะนองของโมนที่อยากเอาชนะลพ จึงแอบขโมยกระดานชนวนจากสินไปหา แทน นักดนตรีชื่อดังในยุค 70 เพื่อสอนเคล็ดลับในการเล่นกีต้าร์ มาเอาชนะลพในงานโรงเรียน แต่โมนกลับต้องไปช่วยแทนแก้ปัญหาชีวิตให้ได้เสียก่อน เขาถึงยอมสอนเคล็ดลับการเล่นกีต้าร์ให้ โมนไม่รู้เลยว่านุ่น หลุดมายังอดีตด้วย นุ่นหลงทางไม่รู้จะไปทางไหนจนเกือบได้รับอันตราย แม็กและสินรู้ว่าโมนแอบเอากระดานชนวนไปใช้ จึงตามไปหาและช่วยนุ่นไว้ได้พอดี โมนรู้สึกผิดแอบมาอดีตและทำให้นุ่นต้องเจออันตราย ที่สำคัญโมนได้เรียนรู้ว่าการจะเล่นกีต้าร์ได้ดีต้องอาศัยความตั้งใจและฝึกฝนมากแค่ไหนถึงจะเก่งได้เท่าแทน ไม่ใช่แค่เทคนิคหรือเคล็ดลับที่เขาพยายามตามหา เมื่อนุ่นรู้ความลับเรื่องกระดานชนวนและเรื่องสินที่เป็นเด็กในอดีต ก็เห็นใจสินยอมปิดเรื่องนี้เป็นความลับ และมองโมนในแง่ดีมากขึ้น จึงอาสาจะหาทางช่วยหาที่มาของสินอีกแรง รวมทั้งพยายามทำให้พัชรและมินตรากลับมาเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน เหมือนที่พวกลูกๆ เป็นเพื่อนกัน แต่เรื่องราวมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะทุกคนในยามมีปัญหา ก็คิดจะใช้กระดานชนวนมาแก้ปัญหาให้ตัวเองจนเกิดเรื่องวุ่นๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางไปสมัยสุโขทัยเพื่อได้พบกับนางนพมาศ เพื่อที่นิ่มจะได้ประดิษฐ์กระทงที่สวยที่สุดส่งประกวด

เด็กๆ ได้พบกับหมอบรัดเลย์ที่มีอุดมการณ์ช่วยเหลือผู้คนและนำวิทยาการด้านการแพทย์ใหม่ๆ เข้ามาในประเทศไทย ทั้งการผ่าตัดแผนใหม่ การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ โมนและเด็กๆ ได้เรียนรู้ความเป็นลูกผู้ชายและศิลปะแม่ไม้มวยไทยผ่านคนในประวัติศาสตร์อย่างนายขนมต้ม หรือแม้แต่การหลุดกาลเวลาไปเจอเรื่องราวในตำนานพื้นบ้านของไทยอย่าง มโนราห์ ตำนานสงกรานต์ อุทัยเทวี และอื่นๆ ที่ตื่นเต้นสนุกสนาน ทุกๆการผจญภัย เด็กๆทุกคนต้องคอยช่วยกันแก้ปัญหาและเรียนรู้ผ่านการเผชิญปัญหาและมาปรับใช้กับชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กหรือใหญ่ แต่สินเองแม้จะผูกพันกับเพื่อนต่างเวลากันขนาดไหน แต่ลึกๆ เด็กๆ ทุกคนต่างรู้ว่าสักวันก็ต้องจากกัน แต่วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ยังไม่มีใครรู้ เพราะความลับของกระดานชนวนมีมากมายและยังพร้อมจะสร้างประสบการณ์วุ่นๆ ให้กับทุกคนต่อไป ติดตามชมได้ในละคร "มหัศจรรย์พันธุ์ซ่า"