1. สยามโซน
  2. เพลง
  3. ข่าวสารวงการเพลง

รู้จักตัวตนของ เจย์ ชอน ผู้พลิกผันจากว่าที่คุณหมอสู่นักร้อง

รู้จักตัวตนของ เจย์ ชอน ผู้พลิกผันจากว่าที่คุณหมอสู่นักร้อง

สั่งตรงความพิเศษ เปิดโอกาสให้แฟนๆ ชาวไทยและเทศได้สัมผัสกับศิลปินอาร์แอนด์บี "เจย์ ชอน" (Jay Sean) กันอย่างใกล้ชิดในงานเปิดตัวบริษัทน้องใหม่ "มิวสิค วัน" ที่เกิดจากการรวมตัวของค่ายเพลงชื่อดังอย่าง โซนี่ มิวสิค, ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค, วอร์นเนอร์ มิวสิค, สไปร์ซซี่ดิสก์ และ เคพีเอ็น เพื่อนำเสนอความแปลกใหม่ของเสียงเพลงบนโลกดิจิตอล ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ ร้านฟาลาเบลล่า ราชดำริ

สำหรับบรรยากาศงานเปิดตัว เริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับเหล่าผู้บริหาร ที่มีทั้ง "บูรพากร มุสิกสินธร" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิวสิค วัน จำกัด "บี - พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ มิวสิค "รณพงศ์ คำนวณทิพย์" ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค ประเทศไทย "นัดดา บุรณศิริ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอร์นเนอร์ มิวสิค (ประเทศไทย) "เต้ง - พิชัย จิราธิวัฒน์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท จำกัด และ "ดัง - พันกร บุณยะจินดา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีโวล์ มิวสิค ครีเอชั่น จำกัด ตัวแทนจาก เคพีเอ็น เพื่ออธิบายถึงการรวมตัวกันครั้งนี้

นอกจากนี้ก็ยังมีศิลปินจากค่ายต่างๆ มาร่วมสร้างสีสันให้กับงานอีกด้วย ที่เริ่มต้นเปิดงานด้วย 2 หนุ่ม 2 สาวผู้เข้าประกวดจากเวที เคพีเอ็น อวอร์ด 2010 ในเพลง "สะพานเชื่อมดาว" ต่อด้วยหนุ่ม ดัง ที่มากับเพลงจังหวะสนุกๆ อย่าง "ชุดแดง" ตามมาด้วย "เจ้าชู้ควรตาย" ก่อนจะชวนนักเปียโนฝีมือเยี่ยม "หนึ่ง - จักรวาร เสาธงยุติธรรม" มาคลอเพลงซึ้งๆ ใน "นาฬิกาไม่เดินถอยหลัง" จากนั้นไปพบกับ "สิงโต นำโชค" ที่ขนเพลงมาแรงในตอนนี้ของตัวเองมาขับกล่อมให้ฟัง อาทิ "ทิ้ง" และ "ฮู้ ฮู"

หนุ่ม "แชมป์ - ศุภวัฒน์ พีรานนท์" ก็มาในเพลงคุ้นหูแฟนเพลงเป็นอย่างดี เช่น "นอนน้อย" และเพลง "ที่ฉันรู้" ด้าน 2 หนุ่ม "ซิงกูล่าร์" มากับเพลงฟังสบายๆ อาทิ "24.7" ตามมาด้วย "เบา เบา" ส่วนหนุ่มๆ "ลิงค์ คอร์เนอร์" ขอเริ่มต้นด้วยความมันกับ "ฝันกลางวัน" ต่อด้วยความซึ้งใน "คดีฆาตกรรม" และอีกหนึ่งเพลงน่ารักๆ อย่าง "รักด่วนขบวนสุดท้าย" ฟาก "ทเวนตี้ไฟว์ อาวเวอร์ส" มาพร้อมกับเพลง "ถามจันทร์" คั่นอารมณ์ด้วย "ทำได้เพียง" ก่อนจะชวนทุกคนโดดไปกับเพลง "ยินดีที่ไม่รู้จัก"

และก็มาถึงศิลปินที่ทุกคนรอคอยกับ เจย์ ชอน พอมาถึงเจ้าตัวได้กล่าวทักทายเป็นภาษาไทยว่า "สวัสดีครับ" จากนั้นก็ได้เวลาชวนแฟนๆ ไปสนุกกับเพลงดังที่หอบเอามามอบให้กับแฟนๆ ไม่ว่าจะเป็น "Do You Remember" ตามมากับ "Ride It" ซึ่งก็เรียกเสียงกรี๊ดได้อย่างดังสนั่น แล้วมาต่อด้วย "Eyes On You" ต่อด้วย "If I Aint Got You" และเพลงจากอัลบั้มใหม่ล่าสุดกับ "2012 (It Ain't The End)" ก่อนจะส่งท้ายแบบเมามันด้วย "Down"

นอกจากนั้นหนุ่ม เจย์ ชอน ยังเปิดให้สื่อมวลชนเข้าสัมภาษณ์แบบพิเศษอีกด้วย ณ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา

จุดเปลี่ยนมาสู่อาชีพนักร้อง

"ระหว่างที่ผมเรียนหมออยู่ ก็มีเดโมอยู่ แล้วเดโมก็ถูกนำไปเปิดในสถานีวิทยุท้องถิ่น ทำให้รู้สึกว่านี่คือทางของผม เป็นจุดพลิกผันทำให้ผมเปลี่ยนจากหมอมาเป็นนักดนตรีครับ"

การทำงานเพลงของคุณเป็นยังไง

"การทำงานหลักๆ จะมีประมาณ 4 คน ตัวผม โปรดิวเซอร์ 2 คน และอีกคนเขียนเนื้อเพลง ซึ่งผมจะเสนอกับโปรดิวเซอร์ว่าเอาเสียงกลองแบบนี้ เปลี่ยนคอร์ดตรงนี้หน่อย บางทีตรงนี้ใช้เสียงกีตาร์ดีกว่าเปียโนนะ"

ความรู้สึกแรกที่ได้ฟังเพลงของตัวเองทางวิทยุ

"รู้สึกตะลึงมาก เหมือนความฝันเลย เดิมทีความฝันอันยิ่งใหญ่ของผมคือหวังให้เพื่อนเล่นเพลงของผมในรถ แล้วก็ขอร้องให้ทุกคนช่วยฟังกันหน่อย พอคลื่นวิทยุเลือกเปิดเพลงของผม ให้คนเป็นล้านได้ฟังทั่วโลก รู้สึกยิ่งใหญ่มาก"

ศิลปินที่ชื่นชอบ

"ผมโตมาด้วยการฟังเพลงอาร์แอนด์บีเพลงโซลจำนวนมาก ก็จะมีเพลงของศิลปินอย่าง โจ (Joe) ไบรอัน แม็กไนต์ (Brian McKnight) แบล็กสตรีต (Blackstreet) โจดีซิ (Jodeci) เครก เดวิด (Craig David) แมรี เจ. ไบลจ์ (Mary J. Blige) รวมถึง ไมเคิล แจ็กสัน (Michael Jackson) ด้วยครับ"

ศิลปินที่เคยร่วมงานด้วย ประทับใจคนไหนมากที่สุด

"ที่เคยร่วมงานกันมาก็มี ลิล เวยน์ (Lil Wayne) เบิร์ดแมน (Birdman) แมรี เจ. ไบลจ์ (Mary J. Blige) พิตบูล (Pitbull) ฌอน พอล (Sean Paul) นิกกี มินาจ (Nicki Minaj) ลิล จอน (Lil Jon) เครก เดวิด (Craig David) ผมก็ชอบหมดทุกคน แต่ละคนก็มีเหตุผลแตกต่างกันว่าทำไมถึงชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน เป็นการยากที่จะเลือกใครสักคนหนึ่ง"

ได้ร่วมงานกับ นิกกี มินาจ (Nicki Minaj) ด้วย เป็นอย่างไรบ้าง

"เธอเจ๋งมาก มีพรสวรรค์มาก เป็นคนสนุกสนาน บุคลิกภาพดี ผมคิดว่าตอนนี้เธอเป็นศิลปินฮิปฮอปหญิงอันดับต้นๆ ของโลก เป็นที่นิยมมากๆ เยี่ยมไปเลย"

อยากทำงานร่วมกับใครอีก

"อยากทำกับ ริอานนา (Rihanna) แต่ความฝันสูงสุดอยากทำกับ บียอนเซ่ (Beyonce Knowles) โดยที่มี เจย์-ซี (Jay-Z) มาร้องท่อนเวิร์สให้ด้วย คงจะเป็นเพลงที่เยี่ยมมาก"

คิดว่าตัวเองต่างจากศิลปินอาร์แอนด์บีคนอื่นยังไง

"ผมพยายามที่จะผสมผสานเพลงอาร์แอนด์บีกับป๊อปเข้าด้วยกัน อาร์แอนด์บีในความคิดของผม ยังเป็นความชอบเฉพาะกลุ่มมากๆ เมื่อผสมกับทำนองฟังง่ายติดหูของป๊อป เอามารวมกัน ทำให้เพลงอาร์แอนด์บีไปได้ไกลขึ้น เป็นแมสมากขึ้น"

รู้สึกยังไงที่เพลงของตัวเองได้รับกระแสตอบรับอย่างดี

"ตลาดที่อเมริกามีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงมาก ผลงานเพลงเยอะมาก ทุกๆ คนอยากเป็นคนดัง ทุกๆ คนอยากเป็นดาวเด่น ทุกๆ คนอยากให้เพลงของตัวเองถูกเปิดตามคลื่นวิทยุ และเมื่อเพลงของคุณถูกเลือกให้เป็นเพลงที่สุดยอดในอเมริกา มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดี สมมติว่าผมอยากจะทำเครื่องดื่มขึ้นมา รู้ว่าคู่แข่งคือโค้ก แล้ววันหนึ่งได้มาอยู่ชั้นเดียวกับโค้ก ตั้งข้างๆ กัน มันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาก"

กดดันบ้างไหมที่เพลงขึ้นอันดับ 1 บนบิลบอร์ดชาร์ต

"จริงๆ แล้วตัวผมไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องอันดับเลย แน่นอนว่าขึ้นอันดับ 1 เนี่ยสุดยอด แต่สิ่งที่ผมทำได้คือการมุ่งมั่นกับทำเพลง ไม่ใช่เรื่องของอันดับ ผมรักเพลง ผมไม่สนใจถ้าเพลงต่อไปของผมจะอยู่อันดับที่ 500 ผมสนใจว่าคนที่ร้องเพลงของผม เขาชอบเพลงของผมก็พอแล้ว"

ระหว่างแต่งเพลงให้กับตัวเองกับแต่งให้กับคนอื่น แตกต่างกันยังไง

"การเขียนเพลงหรือโปรดิวซ์ให้กับคนอื่น น่าจะสนุกกว่า ง่ายกว่า เพราะว่าถ้าทำให้ตัวเองจะมีกรอบของ เจย์ ชอน ครอบอยู่ นั่นคือตัวผม ห้ามหลุดออกจากนี้ แต่การที่ผมทำงานให้ศิลปินอื่น ไม่ว่าจะเป็น คันทรี ป๊อป อาร์แอนด์บี ร็อก ทำให้ผมมีจินตนาการมากขึ้น ทำอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีกรอบของ เจย์ ชอน ครอบไว้"

แรงบันดาลใจในการแต่งเพลง

"เวลาที่อยู่ในสตูดิโอ เวลาที่ดีดเปียโน ทำให้ผมรู้สึก รู้สึกเศร้า หรือรู้สึกนึกถึงความรัก หรืออะไรบางอย่าง สิ่งที่รู้สึกมันเป็นสิ่งที่สวยงามมากต่อการเขียนเพลง คุณแค่ถ่ายทอดอารมณ์นั้นผ่านปากกาของคุณ เขียนในสิ่งที่คุณรู้สึก คุณต้องเชื่อหัวใจของคุณ กฎของผมคืออย่าไปทบทวนความคิดเรื่องใดๆ ทั้งนั้น การคิดทบทวนหรือการวิเคราะห์มากเกินไป จะทำให้ความรู้สึกนั้นหายไป"

ชอบเพลงไหนจากฝีมือการแต่งของตัวเองมากที่สุด

"เป็นเพลงในอัลบั้มใหม่ของผม (อัลบั้ม Freeze Time) ชื่อเพลง Lullaby เป็นเพลงช้าที่เย้ายวนแต่เฉียบแหลม"

ที่มาของเพลง 2012 (It Ain't The End)

"ก็เป็นทฤษฎีหนึ่งที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยิน คือ ทฤษฎีโลกแตก เมื่อถึงปี 2012 ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อเลย คิดว่ามันไม่จริง พอผมได้ไปดูหนัง 2012 ทำให้ผมคิดได้ว่าเราใช้ชีวิตกันโดยที่ลืมสิ่งเล็กๆ ที่สำคัญ คนเรามัวแต่ทำงาน มัวแต่แข่งขันกัน จนลืมครอบครัว ลืมโทรหาใครสักคนในวันเกิดของเขา ลืมไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ผมคิดว่าเราควรจะหยุด แล้วหันมาใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน เฉลิมฉลองให้กับชีวิต"

ถ้าปี 2012 โลกแตกตามคำทำนาย อยากทำอะไร

"ผมจะรวบรวมครอบครัวของผม เพื่อนสนิท มาอยู่ด้วยกัน มากิน เต้นรำ ร้องเพลง เฉลิมฉลอง ร้องไห้ กอดกัน (หัวเราะ)"

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35
  • รูปภาพ 36
  • รูปภาพ 37
  • รูปภาพ 38
  • รูปภาพ 39
  • รูปภาพ 40
  • รูปภาพ 41
  • รูปภาพ 42
  • รูปภาพ 43
  • รูปภาพ 44
  • รูปภาพ 45
  • รูปภาพ 46
  • รูปภาพ 47
  • รูปภาพ 48
  • รูปภาพ 49
  • รูปภาพ 50
  • รูปภาพ 51
  • รูปภาพ 52
  • รูปภาพ 53
  • รูปภาพ 54
  • รูปภาพ 55
  • รูปภาพ 56
  • รูปภาพ 57
  • รูปภาพ 58
  • รูปภาพ 59
  • รูปภาพ 60
  • รูปภาพ 61
  • รูปภาพ 62
  • รูปภาพ 63
  • รูปภาพ 64
  • รูปภาพ 65
  • รูปภาพ 66
  • รูปภาพ 67
  • รูปภาพ 68
  • รูปภาพ 69
  • รูปภาพ 70
  • รูปภาพ 71
  • รูปภาพ 72
  • รูปภาพ 73
  • รูปภาพ 74
  • รูปภาพ 75
  • รูปภาพ 76
  • รูปภาพ 77
  • รูปภาพ 78
  • รูปภาพ 79
  • รูปภาพ 80
  • รูปภาพ 81

ความคิดเห็น

อัลบัมที่เกี่ยวข้อง