สบู่เจนี่ VS สบู่บุ๋มปนัดดา ก้อนไหนแน่จริง ขาวจังกว่ากัน!

สวัสดีค่ะ ทุกคน วันนี้ เราจามาพูดเรื่องขาวๆกัน แน่ะๆ คิดกันไปไหน อย่าพึ่งๆกลับมาค่ะ เราหมายความถึงสบู่ก้อนที่ช่วยเรื่องความขาว ขอเกริ่นนิดนึง ปกติเราเป็นคนชอบสบู่ก้อนโดยส่วนตัวอยู่แล้ว เพราะรู้สึกถูแล้วเวลาล้างออก ให้ความรู้สึกที่สะอาดกว่าสบู่แล้ว อีกอย่างคือ ห้องน้ำไม่ค่อยเป็นคราบด้วย ซึ่งเราก็เปลี่ยนยี่ห้อมาเรื่อยๆ ใช้หมดบ้างไม่หมดบ้าง อันไหนดีก็ใช้ต่อ ไม่ดีก็เลิกใช้ไปเอาไปล้างมือแทน จนเมื่อไม่นานมานี้ ได้สบู่คู่ใจมาตัวนึง คือสบู่เบนเนทที่พรีเซนเตอร์คือปุ๋มปนัดดาอะ เพื่อนๆน่าจะรู้จักกันแต่ คือมันค่อนข้างโอในเรื่องความขาว แต่สำหรับตัวเราก็ยังติดปัญหาตรงที่มันทำให้ผิวแห้งสุดๆ  ถามว่าเวิคมั้ย คือเวิคมาก แต่ในใจยังอยากได้ตัวที่มีความสามารถในเรื่องความขาวเท่าๆกัน แต่สามารถถูหน้าได้ในตัวด้วย จนเมื่อเดือนก่อน ได้เจอกับสบู่ตัวนึง ที่มีรูปเจนี่อยู่หน้ากล่อง  ดูก็เออมันบอกไวเทนนิ่ง สวยได้ในก้อนเดียว!! และยังถูได้ทั้งตัวและหน้า ก็ลองดูซะหน่อยก็แล้วกัน เหลือแต่กล่องอ่ะ  สบู่อยู่ในห้องน้ำ ขออนุญาติถ่ายแต่กล่องนะค่ะ ดูความแตกต่างของผลิตภัณฑ์กันไปก่อน
- มุมซ้าย Parrot Herbal เราเลือกสูตร มะนาวคาเวียร์มาเพราะมันช่วยเรื่องขาว
- มุมขวา เบนเนท C&E







อันนี้ก็ก้อนที่สองแล้ว เพราะใช้หมดก้อนแรก รู้สึกว่าผิวมันใสขึ้นจากการที่ผิวที่เคยเป็น2เฉด ผิวขาวๆที่ไม่ค่อยโดนแดดเพราะอยู่ในแขนเสื้อกับผิวที่นอกแขนเสื้อที่โดนแดดจนดำ เฮ้ย มันกลับมาเป็นสีเดียวกันแล้ว ขาวเท่ากันแล้ว  เพื่อนก็ทัก ดีใจมาก ก้อนนึงใช้ได้นานกว่าเบนเนท สองอาทิตย์ได้ ด้วยความที่ว่ามันละลายช้า ไม่หายไปกับน้ำ เราก็เลยคิดว่ามันโอเคอ่ะ ความสามารถมันคืเอาไปถูหน้าถูตัว ทำได้หมด หน้าไม่แห้ง แม้จะลืมบำรุงก็ตาม





ตอนแรกที่ซื้อมาเพราะเห็นเป็นสบู่สุดฮิตในโลกโซเชียลเลย  ที่เค้าว่าทำให้ตัวขาวอ่ะค่ะ เพราะอ่านรีวิวนี่แหละแหละ  รีวิวทำให้คนเสียเงิน TT ส่วนตัวสำหรับ เราว่ามันขาวเร็วจิงค่ะ  แต่ติดที่มันทำให้ผิวแห้งไป และในการเอามาถูหน้ามันแรงไปหน่อย**ที่บอกว่าเหมาะกับคนแพ้ง่ายเราว่า อย่าเสี่ยงดีกว่า

เราจามาเปรียบเทียบกันค่ะ ก่อนที่จะไปดูสรรพคุณคุณสมบัติของทั้งคู่

ด่านที่ 1 เรื่องความขาว เราจะมาวัดกันโดยใช้สบู่ทั้งสองก้อนถูแขนคนละข้าง
ทำแบบนี้เป็นเวลา 2 สัปดาห์

แขนขวา ใช้แพรอท





แขนซ้าย ใช้แบนเนต





เราวัดจากการที่อาบน้ำเสร็จแล้วไม่ทาโลชั่นตาม หลังจากนั้นดูสภาพผิวตอนเช้า ว่ามันต่างกันยังไง
สำหรับตัวเรา ทั้งสองตัว ในเรื่องความขาว เบนเนทขาวไวกว่า แต่เรารู้สึกว่าผิวเราแห้ง ส่วนแพรอท ถือว่าทำได้ดีนะ ผิวไม่แห้งตึงเท่าไหร่

ด่านที่ 2 เรื่องความสะอาด เริ่แรกจะใช้ปากกา permanent ที่ใครๆก็รู้ปากกานี้เขียนแล้วลบยากนิดนึง



จากนั้นเอาแขนไปถูสบู่สำนักใครสำนักมัน



แล้วก็ไปล้างน้ำออก จะได้ผลลัพท์ออกมาแบบนี้



จากที่ลองเอาไปลบปากกา จะเห็นว่า ”แพรอท” จะถูกออกง่ายกว่า สะอาดกว่า “เบนเนต” นิดนึง เราก็เลยคิดว่า ลองเอาไปล้างเครื่องสำอางค์ตัวแพรอท นางน่าจะเวิร์คอยู่  ในเรื่องของความสะอาดเราคิดว่าสำหรับการใช้อาบน้ำไม่ต่างกันมาก มันก็สะอาดทั้งคู่อ่ะค่ะ  การล้างออกง่ายไม่ต่างกันค่ะ

ด่านที่ 3 กลิ่นติดทน อันนี้ ไม่มีรูปอะไรมาให้ดู แต่ว่า วัดจากความรู้สึกตัวเองล้วนๆ คือ เราว่า Parrot มันกลิ่นติดทนกว่า อาจจะส่วนตัวเราชอบกลิ่นนี้มากกว่าด้วย เบนเนตมันจะส้มๆไปนิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่หอมนะ แต่กลิ่นมันหายเร็วกว่าเฉยๆ

หลังจากที่เราดูคุณสมบัติ อะไรเป็นยังไง ข้อดีข้อด้อย และความรู้สึกส่วนตัวที่มีกับสบู่แต่ละสำนัก บวกกับทดสอบอะไรๆไปแล้ว  สำหรับเรานั้น อย่างที่บอกไว้ว่าเมื่อเราเราใช้ “เบนเนต” เป็นประจำ แต่เมื่อเราได้เจอได้ลอง “แพรอท"  แล้ว เรารู้สึกโอมากกว่า โดยเฉพาะ ที่ผิวไม่แห้งนี้เลย ก้อนเดียวจบจริงแบบที่เค้าว่าไว้เลย ถูได้หมด หน้าหรือตัว  ลืมบอกนิดนึง Parrot ใช้แบบเป็นสบู่วิปโฟมฟองฟูๆได้ด้วย เพราะเค้ามีตาข่ายตีวิปมาให้ด้วย ฟองจานุ่มฝุดๆเลย วันนี้เราขอตัวก่อนนะ ลาก่อนค่ะ