ความพยายามไม่เคยทรยศใคร ฟลุ้ค แชร์เรื่องราวที่เป็นจุดดิ่งสุดในชีวิต และวิธีการที่เขาผ่านมาได้จนมีทุกวันนี้!
7 เม.ย. 64 18:52 น. /
ดู 4,311 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
hashtag:
#ฟลุ้คณธัช
ในพาร์ทของการแสดงก็ขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง แต่ในด้านของการเรียน
เขาเองก็ไม่ทิ้งในส่วนนี้เช่นกัน สำหรับ ฟลุ้ค ณธัช อย่างล่าสุดก็เพิ่งได้ไปพูดคุยแชร์ประสบการณ์
ในหัวข้อ การเติบโตทางความคิดด้วยวิธีคิดเชิงบวกในเพจ สังคมวิทยาเพื่อการพัฒนา มศว
มาไลฟ์แบบแบ็คกราวน์ด้านหลังหนังสือแน่นเอี๊ยดเต็มชั้นวางเลย
น้องผู้ดำเนินรายการถามว่ามีหนังสือที่แบบให้พลังงานบวกแนะนำไหม
เจ้าตัวบอก ส่วนใหญ่จะอ่านแนวนิยายมากกว่า แต่ว่าแนวนี้ก็เคยอ่านผ่านบ้างๆ แบบเวลาเครียดต้องการ
พลังบวกก็จะหาหนังสือพวกนี้มาอ่าน ยกตัวอย่างเล่มนี้มีชื่อว่า วันนี้จะเป็นวันที่ดี เวลารู้สึกลบๆ ก็จะหามาอ่านก็จะได้ข้อคิด
เยอะมากๆ อย่างหนังสือพวกคำคมเป็นภาษาไทยภาษาอังกฤษก็มี ก็จะได้ข้อคิดจากนักเขียนเยอะ
เห็นพี่ฟลุ้คอ่านหนังสืออิ้ง น้องพธก.เลยถามว่ามีวิธีฝึกภาษาอังกฤษยังไง
ฟลุ้คบอก ตอนเรียนอยู่มัธยมไม่ชอบวิชานี้เลย รู้สึกแบบเราจะเรียนไปทำไมอยู่ในประเทศไทยไม่เห็นจะต้องใช้เลย
แต่พอได้มาเป็นนักแสดงและได้ไปต่างประเทศค่อนข้างบ่อย ภาษาอังกฤษก็ใช้เป็นภาษาในการสื่อสารกับชาวต่างชาติ
พอไปแล้วพอเราพูดไม่ได้ ต้องใช้ล่ามตลอดเวลา เลยรู้สึกว่าภาษามันสำคัญ ก็เริ่มฝึกจากการดูซีรีส์ ฟังเพลงภาษาอังกฤษ
อ่านหนังสือ และค่อยๆ แอดวานซ์ไปเรื่อยๆ
และวิธีคิดเชิงบวกในความหมายของฟลุ้คคือ การคิดทุกอย่างไปในแง่บวก ไม่ว่าจะเจอปัญหาอุปสรรค
เราจะมองบวกไว้ก่อน และฟลุ้คก็เห็นด้วยและสนับสนุนให้ทุกคนดำเนินชีวิตด้วยการคิดบวก เพราะมันจะทำให้
ทุกอย่างดูซอฟต์และมองหาทางออกได้หลายๆ ทาง และไม่รู้สึกกดดันจนเก็บมาเครียด
พร้อมแชร์พาร์ทที่เป็นสิ่งท้าทายและปัจจุบันก็สามารถผ่านมาได้แล้วสิ่งนั้นคือ ตอน ม.5 ที่ย้ายจากลำพูนมาอยู่กรุงเทพ
พร้อมกับครอบครัวที่ลาออกจากงานมาอยู่ด้วย และฟลุ้คก็ตั้งใจจะมาหาที่เรียนใหม่และตั้งใจทำงานเก็บเงินหาซื้อบ้านที่กรุงเทพตอนแรกก็คิดว่าชิลล์ แต่ปีสองปีแรกมีหลายปัญหามากๆ อย่างเรื่องการเรียนเหมือนต้องเริ่มเรียน ม.4 ใหม่ ทั้งที่
จริงอยู่ ม.5 เทอม 2 แล้ว บวกกับช่วงนั้นต้องทำงาน แถมค่าครองชีพในเมืองก็สูงมากๆ รายได้ก็ไม่บาลานซ์กับค่าใช้จ่าย
แถมต้องดูแลครอบครัวที่ลาออกจากงานมาอยู่ด้วย ตอนนั้นก็เป็นช่วงที่เครียดและดิ่งสุด คือต้องพยายามใช้ชีวิตดิ้นรนในแต่ละวัน ซึ่งกว่าฟลุ้คจะผ่านช่วงนั้นก็ใช้เวลา 4-5 ปี แต่ก็ไม่ได้ทำให้ท้อตอนนั้นกลับคิดว่า ในเมื่อมันยังไม่ดี พรุ่งนี้มันอาจจะดีขึ้นก็ได้ และสุดท้ายมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ สุดท้ายก็แฮปปี้มากๆ ที่ไม่ได้ทิ้งความฝันของตัวเอง
respect เลยความพยายามไ่ม่เคยทรยศใครจริงๆ
จากการที่ต้องรับผิดชอบตัวเองทั้งในด้านการเรียนการทำงานและเป็นเสาหลักของบ้าน
ถึงจะทำให้ฟลุ้คสูญเสียช่วงเวลาชีวิตในการเป็นวัยรุ่นไป แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยทัศนคติความเป็นผู้ใหญ่
และความฝันที่เป็นจริงที่ได้ทำงานในวงการบันเทิง
และใครที่กำลังเรียนในสายที่คิดว่าตัวเองน่าจะเลือกผิดและไม่กล้าซิ่วหรือดร็อป
ฟลุ้คก็ได้แชร์ประสบการณ์ที่เขาดร็อปเรียนป.โท ว่าเขาเคยเรียนไปได้สักพักแล้วรู้สึกว่าไม่สามารถนำไป
ต่อยอดได้บวกกับยังมีความสุขกับการเป็นนักแสดงอยู่ และในอนาคตก็มีคิดว่าจะไปทำเบื้องหลังดีไหม ก็เลยกลับ
มาคิดและตัดสินใจดร็อป และคิดว่าการดร็อปก็ไม่ใช่ ความล้มเหลวในชีวิตกลับรู้สึกว่าดีใจที่ค้นหาตัวเองเจอ ตรงนี้
ตอนนี้ไม่ได้ไม่เป็นไรเดี๋ยวลองทำงานไปอีกสักพักคงค้นหาตัวเองเจอว่าอยากทำอยากเรียนต่ออะไรและไปต่อยอด
ในอนาคตยังไง
เมื่อถามถึงว่าบุคคลต้นแบบในการดำเนินชีวิตไหม ฟลุ้คบอกว่า เขามีทุกคนรอบตัวเป็นต้นแบบ
ทุกคนต่างมีทั้งมุมที่ดีและไม่ดี เราก็เรียนรู้และนำมาเป็นบทเรียนปรับใช้ พร้อมย้ำว่า Critical Thinking ก็เป็นอะไรที่
สำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน เวลารับข้อมูลข่าวสารอะไรต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะก่อนปักใจเชื่อ
ในพาร์ทของการแสดงการสวมบทบาทในคาแร็กเตอร์ต่างๆ ก็ทำให้ฟลุ้คได้เรียนรู้ตัวละครนั้นๆ
และทำให้สามารถนำมาปรับใช้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตได้ด้วย
และอีกหนึ่งเป้าหมายในชีวิตที่ฟลุ้คทำสำเร็จแล้วคือ การซื้อบ้านได้ตอนอายุ 25 เพราะตอนแรกคิดว่าจะทำได้
ตอนอายุ 30 ด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะตัวเองมีเป้าหมายที่ชัดเจน เลยทำให้มีไฟทำทุกตามอย่างเป้าที่วางไว้ได้สำเร็จ
พร้อมให้คำแนะนำถึงน้องเรื่องการเลือกสายเรียนว่า ควรเลือกเรียนจากสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่ใช่จากที่พ่อแม่ชอบ
หรือตลาดต้องการ เพราะวันนึงเรียนจบมา ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้นำไปต่อยอดหรือใช้ประโยชน์ เพราะจะได้ไม่มา
เสียดายหรือเสียใจทีหลัง พร้อมบอกให้ทุกคนอย่ากดดันตัวเอง เพราะมันจะไปบั่นทอนศักยภาพของเรา อย่าไปคิดว่า
เราเรียนรู้ได้แค่นี้ ทุกคนเรียนรู้ได้อีกเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร แข่งกับตัวเองก็พอ พรแสวงสำคัญกว่าพรสวรรค์
ถึงฟลุ้คจะเป็นคนชอบคิดบวก แต่ก็รู้ดีว่าข้อเสียของคนคิดบวกมักจะถูกเอาเปรียบเสมอ เพราะฉะนั้นต้องมีอะไร
ที่มัน protect ตัวเอง อาจจะต้องรู้จักปฏิเสธหรือหาทางออกให้กับตัวเองด้วย ก็พยายามจะเป็นคนที่ไม่คิดบวกหรือลบเกิน
อยู่ตรงกลางบนพื้นฐานความเป็นจริง
เป็นไลฟ์ที่ได้เลคเชอร์แนวความคิดดีดีในการดำเนินชีวิตจากวิทยากรพี่ฟลุ้คและนำมาประยุกต์ใช้ได้เยอะเลย
#ฟลุ้คณธัช
เขาเองก็ไม่ทิ้งในส่วนนี้เช่นกัน สำหรับ ฟลุ้ค ณธัช อย่างล่าสุดก็เพิ่งได้ไปพูดคุยแชร์ประสบการณ์
ในหัวข้อ การเติบโตทางความคิดด้วยวิธีคิดเชิงบวกในเพจ สังคมวิทยาเพื่อการพัฒนา มศว
น้องผู้ดำเนินรายการถามว่ามีหนังสือที่แบบให้พลังงานบวกแนะนำไหม
เจ้าตัวบอก ส่วนใหญ่จะอ่านแนวนิยายมากกว่า แต่ว่าแนวนี้ก็เคยอ่านผ่านบ้างๆ แบบเวลาเครียดต้องการ
พลังบวกก็จะหาหนังสือพวกนี้มาอ่าน ยกตัวอย่างเล่มนี้มีชื่อว่า วันนี้จะเป็นวันที่ดี เวลารู้สึกลบๆ ก็จะหามาอ่านก็จะได้ข้อคิด
เยอะมากๆ อย่างหนังสือพวกคำคมเป็นภาษาไทยภาษาอังกฤษก็มี ก็จะได้ข้อคิดจากนักเขียนเยอะ
เห็นพี่ฟลุ้คอ่านหนังสืออิ้ง น้องพธก.เลยถามว่ามีวิธีฝึกภาษาอังกฤษยังไง
ฟลุ้คบอก ตอนเรียนอยู่มัธยมไม่ชอบวิชานี้เลย รู้สึกแบบเราจะเรียนไปทำไมอยู่ในประเทศไทยไม่เห็นจะต้องใช้เลย
แต่พอได้มาเป็นนักแสดงและได้ไปต่างประเทศค่อนข้างบ่อย ภาษาอังกฤษก็ใช้เป็นภาษาในการสื่อสารกับชาวต่างชาติ
พอไปแล้วพอเราพูดไม่ได้ ต้องใช้ล่ามตลอดเวลา เลยรู้สึกว่าภาษามันสำคัญ ก็เริ่มฝึกจากการดูซีรีส์ ฟังเพลงภาษาอังกฤษ
อ่านหนังสือ และค่อยๆ แอดวานซ์ไปเรื่อยๆ
และวิธีคิดเชิงบวกในความหมายของฟลุ้คคือ การคิดทุกอย่างไปในแง่บวก ไม่ว่าจะเจอปัญหาอุปสรรค
เราจะมองบวกไว้ก่อน และฟลุ้คก็เห็นด้วยและสนับสนุนให้ทุกคนดำเนินชีวิตด้วยการคิดบวก เพราะมันจะทำให้
ทุกอย่างดูซอฟต์และมองหาทางออกได้หลายๆ ทาง และไม่รู้สึกกดดันจนเก็บมาเครียด
พร้อมแชร์พาร์ทที่เป็นสิ่งท้าทายและปัจจุบันก็สามารถผ่านมาได้แล้วสิ่งนั้นคือ ตอน ม.5 ที่ย้ายจากลำพูนมาอยู่กรุงเทพ
พร้อมกับครอบครัวที่ลาออกจากงานมาอยู่ด้วย และฟลุ้คก็ตั้งใจจะมาหาที่เรียนใหม่และตั้งใจทำงานเก็บเงินหาซื้อบ้านที่กรุงเทพตอนแรกก็คิดว่าชิลล์ แต่ปีสองปีแรกมีหลายปัญหามากๆ อย่างเรื่องการเรียนเหมือนต้องเริ่มเรียน ม.4 ใหม่ ทั้งที่
จริงอยู่ ม.5 เทอม 2 แล้ว บวกกับช่วงนั้นต้องทำงาน แถมค่าครองชีพในเมืองก็สูงมากๆ รายได้ก็ไม่บาลานซ์กับค่าใช้จ่าย
แถมต้องดูแลครอบครัวที่ลาออกจากงานมาอยู่ด้วย ตอนนั้นก็เป็นช่วงที่เครียดและดิ่งสุด คือต้องพยายามใช้ชีวิตดิ้นรนในแต่ละวัน ซึ่งกว่าฟลุ้คจะผ่านช่วงนั้นก็ใช้เวลา 4-5 ปี แต่ก็ไม่ได้ทำให้ท้อตอนนั้นกลับคิดว่า ในเมื่อมันยังไม่ดี พรุ่งนี้มันอาจจะดีขึ้นก็ได้ และสุดท้ายมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ สุดท้ายก็แฮปปี้มากๆ ที่ไม่ได้ทิ้งความฝันของตัวเอง
respect เลยความพยายามไ่ม่เคยทรยศใครจริงๆ
จากการที่ต้องรับผิดชอบตัวเองทั้งในด้านการเรียนการทำงานและเป็นเสาหลักของบ้าน
ถึงจะทำให้ฟลุ้คสูญเสียช่วงเวลาชีวิตในการเป็นวัยรุ่นไป แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยทัศนคติความเป็นผู้ใหญ่
และความฝันที่เป็นจริงที่ได้ทำงานในวงการบันเทิง
และใครที่กำลังเรียนในสายที่คิดว่าตัวเองน่าจะเลือกผิดและไม่กล้าซิ่วหรือดร็อป
ฟลุ้คก็ได้แชร์ประสบการณ์ที่เขาดร็อปเรียนป.โท ว่าเขาเคยเรียนไปได้สักพักแล้วรู้สึกว่าไม่สามารถนำไป
ต่อยอดได้บวกกับยังมีความสุขกับการเป็นนักแสดงอยู่ และในอนาคตก็มีคิดว่าจะไปทำเบื้องหลังดีไหม ก็เลยกลับ
มาคิดและตัดสินใจดร็อป และคิดว่าการดร็อปก็ไม่ใช่ ความล้มเหลวในชีวิตกลับรู้สึกว่าดีใจที่ค้นหาตัวเองเจอ ตรงนี้
ตอนนี้ไม่ได้ไม่เป็นไรเดี๋ยวลองทำงานไปอีกสักพักคงค้นหาตัวเองเจอว่าอยากทำอยากเรียนต่ออะไรและไปต่อยอด
ในอนาคตยังไง
เมื่อถามถึงว่าบุคคลต้นแบบในการดำเนินชีวิตไหม ฟลุ้คบอกว่า เขามีทุกคนรอบตัวเป็นต้นแบบ
ทุกคนต่างมีทั้งมุมที่ดีและไม่ดี เราก็เรียนรู้และนำมาเป็นบทเรียนปรับใช้ พร้อมย้ำว่า Critical Thinking ก็เป็นอะไรที่
สำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน เวลารับข้อมูลข่าวสารอะไรต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะก่อนปักใจเชื่อ
ในพาร์ทของการแสดงการสวมบทบาทในคาแร็กเตอร์ต่างๆ ก็ทำให้ฟลุ้คได้เรียนรู้ตัวละครนั้นๆ
และทำให้สามารถนำมาปรับใช้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตได้ด้วย
และอีกหนึ่งเป้าหมายในชีวิตที่ฟลุ้คทำสำเร็จแล้วคือ การซื้อบ้านได้ตอนอายุ 25 เพราะตอนแรกคิดว่าจะทำได้
ตอนอายุ 30 ด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะตัวเองมีเป้าหมายที่ชัดเจน เลยทำให้มีไฟทำทุกตามอย่างเป้าที่วางไว้ได้สำเร็จ
พร้อมให้คำแนะนำถึงน้องเรื่องการเลือกสายเรียนว่า ควรเลือกเรียนจากสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่ใช่จากที่พ่อแม่ชอบ
หรือตลาดต้องการ เพราะวันนึงเรียนจบมา ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้นำไปต่อยอดหรือใช้ประโยชน์ เพราะจะได้ไม่มา
เสียดายหรือเสียใจทีหลัง พร้อมบอกให้ทุกคนอย่ากดดันตัวเอง เพราะมันจะไปบั่นทอนศักยภาพของเรา อย่าไปคิดว่า
เราเรียนรู้ได้แค่นี้ ทุกคนเรียนรู้ได้อีกเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร แข่งกับตัวเองก็พอ พรแสวงสำคัญกว่าพรสวรรค์
ถึงฟลุ้คจะเป็นคนชอบคิดบวก แต่ก็รู้ดีว่าข้อเสียของคนคิดบวกมักจะถูกเอาเปรียบเสมอ เพราะฉะนั้นต้องมีอะไร
ที่มัน protect ตัวเอง อาจจะต้องรู้จักปฏิเสธหรือหาทางออกให้กับตัวเองด้วย ก็พยายามจะเป็นคนที่ไม่คิดบวกหรือลบเกิน
อยู่ตรงกลางบนพื้นฐานความเป็นจริง
เป็นไลฟ์ที่ได้เลคเชอร์แนวความคิดดีดีในการดำเนินชีวิตจากวิทยากรพี่ฟลุ้คและนำมาประยุกต์ใช้ได้เยอะเลย
#ฟลุ้คณธัช
ขอบคุณภาพและคลิปจาก
FB: สังคมวิทยาเพื่อการพัฒนา มศว
@FlukeTouch
แก้ไขล่าสุด 7 เม.ย. 64 21:16 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google