ยกระดับการศึกษาไปอีกขั้น ด้วยการ เรียนต่อปริญญาตรี อังกฤษ (UK)
23 มิ.ย. 65 22:48 น. /
ดู 11,804 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
หากการศึกษาสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนได้ การเรียนต่อปริญญาตรีที่อังกฤษ(UK) จึงน่าจะเป็นใบเบิกทางที่ดี
เพราะแต่ละคนนั้นเติบโตขึ้นมาจากสภาพแวดล้อมและสังคมที่แตกต่างกันออกไป ทำให้พื้นฐานความรู้และทักษะที่มีนั้นแตกต่างกัน แต่สำหรับการทำงานนั้น ต้องมีกระบวนการการคัดกรองคนที่จะเข้าทำงาน ยิ่งคุณมีการศึกษาที่สูงจากสถาบันการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับเลือกเข้าทำงานในบริษัทชั้นนำระดับโลก ก็ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงมากขึ้นเท่านั้น จึงไม่ใช้เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรเลย ที่ทำไมพ่อแม่ผู้ปกครอง ถึงอยากให้บุครหลานได้มีโอกาสไปเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ เพื่อเป็นใบเบิกทางสู่ชีวิตที่ดีในอนาคต

หลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษ
หลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษนั้นมีอยู่มากมายหลายแบบ โดยจะมีระยะเวลาในการเรียนที่แตกต่างกันออกไปตามความต้องการ และลักษณะของเนื้อหาความเข้มข้นในแต่ละคณะ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนที่แตกต่างกันได้อย่างลงตัว โดยหลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษนั้นสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ ดังต่อไปนี้
ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 3 ปี
สำหรับปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 3 ปี นั้นเป็นหลักสูตรทั่วไปของการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีอังกฤษ เพราะเป็นหลักสูตรมาตรฐานที่ต่อจากชั้น Year 13 หรือ A Level ที่นักเรียนในประเทศอังกฤษจำเป็นต้องสอบ หากมีความประสงค์จะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาตามหลักสูตรมาตรฐาน โดยจะใช้เวลาในการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเพียง 3 ปีเท่านั้น
ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 4 ปี
สำหรับการปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 4 ปี นั้น ก็เป็นอีกหลักสูตรหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย แต่การที่ต้องเพิ่มเวลาในการเรียนอีก 1 ปีให้กับนักศึกษาที่เรียนด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์เพิ่มเติมนั้น เป็นเพราะว่าเนื้อหาที่จะได้เรียนมีมากกว่าแค่การอ่านหนังสือในตำรา แต่การเรียนปริญญาตรีอังกฤษ ยังจำเป็นต้องมีการทำแลป ทำโครงการ และทำวิจัยต่างๆ ควบคู่ไปด้วย การปริญญาตรีอังกฤษในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการเรียนมากถึง 4 ปี
หลักสูตร Fast Track
เรียนหลักสูตร Fast Track ได้ ใช้เวลาในการเรียนน้อยกว่า เพราะเป็นการเรียนแบบ Predegree หรือการเรียนล่วงหน้าตั้งแต่อยู่ในระดับมัธยม ซึ่งการเก็บหน่วยกิตมาก่อนเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยแบบนี้ จะช่วยทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนจบหลักสูตรได้เร็วกว่าคนที่เพิ่งมาเก็บหน่วยกิตหลังจบ A Level
หลักสูตรการฝึกงานระหว่างเรียนหรือ sandwich course
หลักสูตรการฝึกงานระหว่างเรียนหรือ sandwich course เป็นหลักสูตรที่เราอยากให้เพื่อนๆ ได้มาเรียนเอามากๆ เพราะตามปกติแล้ว คนที่เดินทางมาเรียนด้วยวีซ่านักเรียนจะไม่สามารถทำงานได้ แต่หากเพื่อนๆ ได้มาเรียนต่อในหลักสูตรการฝึกงานระหว่างเรียนหรือ sandwich course แล้วล่ะก็ ก็จะมีโอกาสได้มาฝึกงานกับบริษัทดังๆ ของที่นี่ด้วย ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเวลาไปสมัครงานแล้วไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนได้เป็นอย่างดี
หลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Certificate of Higher Education (CertHE)
หลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Certificate of Higher Education (CertHE) ใช้เวลาเรียนเต็มเวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น ส่วนอีก 2 ปีที่เหลือจะมีเรียนเพียงแค่บางวัน พอเรียนจบจะได้ใบประกาศณียบัตรเพื่อยื่นสมัครงานได้ แต่ใช้ยื่นเรียนต่อในระดับบัณฑิตวิทยาลัยทันทีไม่ได้
หลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE)
หลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE) นั้นเป็นเหมือนวุฒิอนุปริญญาที่เปิดสอนเฉพาะบางสาขา การเรียนหลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE) นั้นจะไม่ได้ใบปริญญา แต่จะได้รับวุฒิบัตร ที่สามารถนำไปยื่นสมัครงานได้ ว่าเรามีความรู้และทักษะในด้านนั้นๆ เรียนแค่ 2 ปีก็จบแล้ว

เอกสารในการสมัครเรียน
เอกสารในการสมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่อังกฤษ(UK) นั้นมีหลักๆ อยู่ 3 อย่าง ดังต่อไปนี้
1: SOP: SOP หรือ Statement of Purpose เป็นการเขียนจดหมายแนะนำตัวด้วยตัวเอง ว่าเราเป็นใคร ทำไมถึงอยากมาเรียนที่นี่ ส่วนใหญ่เขียนคล้ายๆ เรียงความยาวประมาณ 1-2 หน้า A4 แต่บางคนมีข้อมูลเยอะ อาจเขียนยาวถึง 10 หน้า แต่ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ ส่วนตัวคิดว่าไม่ควรยาวเกิน 4 หน้า
2: Recommendation letter: Recommendation letter หรือจดหมายแนะนำตัวนั้น น้องๆ เขียนเองไม่ได้ ให้พ่อแม่ ญาติ หรือเพื่อนเขียนก็ไม่ได้ ต้องให้อาจารย์หรือหัวหน้าที่ทำงานเขียนเพื่อรับรองเท่านั้น
3: คะแนน IELTS: คะแนน IELTS เป็นคะแนนวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษที่จะใช้รับรองว่าน้องๆ สามารถไปเรียนกับคนอื่นรู้เรื่อง โดยคะแนนไม่ควรต่ำกว่า 6.5 แต่ถ้าคะแนนต่ำกว่านี้ อาจต้องลงเรียนวิชาปรับพื้นฐานก่อนเริ่มเรียน

แนะนำ เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ มหาลัยไหนดี
น้องๆ หลายคนเลือกไม่ถูกว่าจะเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ มหาลัยไหนดี แต่จริงๆ แล้วหากจะยื่นสมัครเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษจริงๆ ก็อยากให้ลองยื่นเข้าที่ Oxford, Cambridge หรือ Imperial ดูสักครั้ง เพราะมหาวิทยาลัยเหล่านี้เป็นแหล่งรวมหัวกะทิของโลก หากพลาดไป ค่อยลดอันดับไปเลือกมหาวิทยาลัยที่มี ranking ต่ำกว่านี้ทีหลังก็ยังไม่สาย
สรุป
การเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษนั้นเป็นประตูสู่โอกาสสำหรับน้องๆ ที่มีความต้องการยกระดับทางการศึกษา การมาเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษจะมอบคุณค่าที่มากกว่าแค่ความรู้ให้กับน้องๆ เพราะน้องๆ จะได้เรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิต รู้จักพึ่งพาตนเอง และเติบโตขึ้นจากภายในได้อย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก https://gentstudyabroad.com/undergrad-in-uk/
เพราะแต่ละคนนั้นเติบโตขึ้นมาจากสภาพแวดล้อมและสังคมที่แตกต่างกันออกไป ทำให้พื้นฐานความรู้และทักษะที่มีนั้นแตกต่างกัน แต่สำหรับการทำงานนั้น ต้องมีกระบวนการการคัดกรองคนที่จะเข้าทำงาน ยิ่งคุณมีการศึกษาที่สูงจากสถาบันการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับเลือกเข้าทำงานในบริษัทชั้นนำระดับโลก ก็ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงมากขึ้นเท่านั้น จึงไม่ใช้เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรเลย ที่ทำไมพ่อแม่ผู้ปกครอง ถึงอยากให้บุครหลานได้มีโอกาสไปเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ เพื่อเป็นใบเบิกทางสู่ชีวิตที่ดีในอนาคต

หลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษ
หลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษนั้นมีอยู่มากมายหลายแบบ โดยจะมีระยะเวลาในการเรียนที่แตกต่างกันออกไปตามความต้องการ และลักษณะของเนื้อหาความเข้มข้นในแต่ละคณะ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนที่แตกต่างกันได้อย่างลงตัว โดยหลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษนั้นสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ ดังต่อไปนี้
ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 3 ปี
สำหรับปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 3 ปี นั้นเป็นหลักสูตรทั่วไปของการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีอังกฤษ เพราะเป็นหลักสูตรมาตรฐานที่ต่อจากชั้น Year 13 หรือ A Level ที่นักเรียนในประเทศอังกฤษจำเป็นต้องสอบ หากมีความประสงค์จะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาตามหลักสูตรมาตรฐาน โดยจะใช้เวลาในการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเพียง 3 ปีเท่านั้น
ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 4 ปี
สำหรับการปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 4 ปี นั้น ก็เป็นอีกหลักสูตรหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย แต่การที่ต้องเพิ่มเวลาในการเรียนอีก 1 ปีให้กับนักศึกษาที่เรียนด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์เพิ่มเติมนั้น เป็นเพราะว่าเนื้อหาที่จะได้เรียนมีมากกว่าแค่การอ่านหนังสือในตำรา แต่การเรียนปริญญาตรีอังกฤษ ยังจำเป็นต้องมีการทำแลป ทำโครงการ และทำวิจัยต่างๆ ควบคู่ไปด้วย การปริญญาตรีอังกฤษในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการเรียนมากถึง 4 ปี
หลักสูตร Fast Track
เรียนหลักสูตร Fast Track ได้ ใช้เวลาในการเรียนน้อยกว่า เพราะเป็นการเรียนแบบ Predegree หรือการเรียนล่วงหน้าตั้งแต่อยู่ในระดับมัธยม ซึ่งการเก็บหน่วยกิตมาก่อนเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยแบบนี้ จะช่วยทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนจบหลักสูตรได้เร็วกว่าคนที่เพิ่งมาเก็บหน่วยกิตหลังจบ A Level
หลักสูตรการฝึกงานระหว่างเรียนหรือ sandwich course
หลักสูตรการฝึกงานระหว่างเรียนหรือ sandwich course เป็นหลักสูตรที่เราอยากให้เพื่อนๆ ได้มาเรียนเอามากๆ เพราะตามปกติแล้ว คนที่เดินทางมาเรียนด้วยวีซ่านักเรียนจะไม่สามารถทำงานได้ แต่หากเพื่อนๆ ได้มาเรียนต่อในหลักสูตรการฝึกงานระหว่างเรียนหรือ sandwich course แล้วล่ะก็ ก็จะมีโอกาสได้มาฝึกงานกับบริษัทดังๆ ของที่นี่ด้วย ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเวลาไปสมัครงานแล้วไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนได้เป็นอย่างดี
หลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Certificate of Higher Education (CertHE)
หลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Certificate of Higher Education (CertHE) ใช้เวลาเรียนเต็มเวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น ส่วนอีก 2 ปีที่เหลือจะมีเรียนเพียงแค่บางวัน พอเรียนจบจะได้ใบประกาศณียบัตรเพื่อยื่นสมัครงานได้ แต่ใช้ยื่นเรียนต่อในระดับบัณฑิตวิทยาลัยทันทีไม่ได้
หลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE)
หลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE) นั้นเป็นเหมือนวุฒิอนุปริญญาที่เปิดสอนเฉพาะบางสาขา การเรียนหลักสูตรปริญญาตรีระยะสั้น Diploma of Higher Education (DipHE) นั้นจะไม่ได้ใบปริญญา แต่จะได้รับวุฒิบัตร ที่สามารถนำไปยื่นสมัครงานได้ ว่าเรามีความรู้และทักษะในด้านนั้นๆ เรียนแค่ 2 ปีก็จบแล้ว

เอกสารในการสมัครเรียน
เอกสารในการสมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่อังกฤษ(UK) นั้นมีหลักๆ อยู่ 3 อย่าง ดังต่อไปนี้
1: SOP: SOP หรือ Statement of Purpose เป็นการเขียนจดหมายแนะนำตัวด้วยตัวเอง ว่าเราเป็นใคร ทำไมถึงอยากมาเรียนที่นี่ ส่วนใหญ่เขียนคล้ายๆ เรียงความยาวประมาณ 1-2 หน้า A4 แต่บางคนมีข้อมูลเยอะ อาจเขียนยาวถึง 10 หน้า แต่ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ ส่วนตัวคิดว่าไม่ควรยาวเกิน 4 หน้า
2: Recommendation letter: Recommendation letter หรือจดหมายแนะนำตัวนั้น น้องๆ เขียนเองไม่ได้ ให้พ่อแม่ ญาติ หรือเพื่อนเขียนก็ไม่ได้ ต้องให้อาจารย์หรือหัวหน้าที่ทำงานเขียนเพื่อรับรองเท่านั้น
3: คะแนน IELTS: คะแนน IELTS เป็นคะแนนวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษที่จะใช้รับรองว่าน้องๆ สามารถไปเรียนกับคนอื่นรู้เรื่อง โดยคะแนนไม่ควรต่ำกว่า 6.5 แต่ถ้าคะแนนต่ำกว่านี้ อาจต้องลงเรียนวิชาปรับพื้นฐานก่อนเริ่มเรียน

แนะนำ เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ มหาลัยไหนดี
น้องๆ หลายคนเลือกไม่ถูกว่าจะเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ มหาลัยไหนดี แต่จริงๆ แล้วหากจะยื่นสมัครเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษจริงๆ ก็อยากให้ลองยื่นเข้าที่ Oxford, Cambridge หรือ Imperial ดูสักครั้ง เพราะมหาวิทยาลัยเหล่านี้เป็นแหล่งรวมหัวกะทิของโลก หากพลาดไป ค่อยลดอันดับไปเลือกมหาวิทยาลัยที่มี ranking ต่ำกว่านี้ทีหลังก็ยังไม่สาย
สรุป
การเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษนั้นเป็นประตูสู่โอกาสสำหรับน้องๆ ที่มีความต้องการยกระดับทางการศึกษา การมาเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษจะมอบคุณค่าที่มากกว่าแค่ความรู้ให้กับน้องๆ เพราะน้องๆ จะได้เรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิต รู้จักพึ่งพาตนเอง และเติบโตขึ้นจากภายในได้อย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก https://gentstudyabroad.com/undergrad-in-uk/
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google