SIAMZONE.COM

ม่านลายกุหลาบสีส้มปักระบายรอบด้านด้วยดิ้นสีทองถูกเปิดขึ้น เป็นการนำเข้าไปสู่การแสดงของ Pina Bausch เรื่อง Cafe Muller และในท่ามกลางหมู่ผู้ชม ชายแปลกหน้าสองคน Benigno (บุรุษพยาบาลหนุ่ม) และ Marco (นักเขียนวัยสี่สิบกว่า) ได้บังเอิญมานั่งชมการแสดงติดกัน เขาทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อน บนเวทีนั้น ประกอบด้วยเก้าอี้ไม้และโต๊ะไม้หลายตัว ผู้หญิงสองคน ซึ่งหลับตาและเหยียดมือออกไปข้างหน้า กำลังเคลื่อนไหวไปตามอารมณ์เพลง The Fairy Queen ของ Henry Purcell ช่างเป็นการแสดงที่เร้าอารมณ์และความรู้สึกจน Marco กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ Benigno ได้แอบเห็นน้ำตาของเพื่อนซึ่งบังเอิญได้พบกัน เขาอยากจะบอกกับ Marco ว่าเขาเองก็ซาบซึ้งกับการแสดงจนอยากร้องไห้เช่นกัน แต่เขาไม่กล้า

หลายเดือนต่อมา ชายสองคนได้พบกันอีกครั้งที่ El Bosque คลินิกเอกชนที่ Benigno ทำงานอยู่ เนื่องจาก Lydia แฟนสาวนักสู้วัวกระทิงของ Marco พลาดท่าถูกวัวกระทิงขวิด และอยู่ในอาการโคม่าไม่รู้สึกตัว ซึ่ง Benigno เองก็กำลังดูแล Alicia หญิงสาวนักเรียนบัลเล่ต์คนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในอาการโคม่าเช่นกัน และเมื่อ Marco เดินผ่านหน้าประตูห้อง Benigno ก็จำเขาได้ทันที และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพอันลึกซึ้ง

ตลอดช่วงเวลาที่เงียบสงบในคลินิก ตัวละครทั้งสี่จะดำเนินไปในทุกๆ ทิศทาง ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งได้นำพาทั้งหมดไปสู่โชคชะตาที่กำหนดไว้

Talk To Her ภาพยนตร์เกี่ยวกับความสุขในการเล่าเรื่อง และเกี่ยวกับคำพูดที่เป็นเหมือนอาวุธที่ใช้ต่อสู้กับความโดดเดี่ยว โรคร้าย ความตาย และความบ้า ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับความบ้า ในลักษณะที่ว่าความบ้านั้นใกล้เคียงกับความอ่อนโยนและสามัญสำนึกมากเสียจนไม่สามารถแยกความแตกต่างจากความปกติได้

Talk To Her คือภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำ และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ และยังได้รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากงานเดียวกันนี้ด้วย