วิจารณ์ The Sorcerer's Apprentice

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 16 ธ.ค. 53 06:13

    เนื้อเรื่องดำเนินตามสูตรสำเร็จ เหมาะกับค่าย disney ดี ไม่คิดอะไรมากก็ดูได้ ทำมาเอาใจเด็กๆ
    ทำให้ไม่ชอบที่ทุกอย่างดู happy ending เกินไป ตัวร้ายแพ้ง่ายไป(ดีอยู่อย่างที่พอใช้ศาสตร์ผสมผสานบ้างในตอนจบ) แผนการถูกทำลายง่ายไป แล้วตัวร้ายอีกตัวก็ไม่กล่าวถึงอีก หลักฟิสิกส์ไม่จำเป็นต้องสมจริงมาก
    โดยรวม 7/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 8 ธ.ค. 53 13:01

    ถ้าผมเป็นเด็กคงให้ 10/10 แต่ผมโตแล้ว หนังมันออกแนวแฟนตาซีไป หน่อย 7/10 ดีที่ปล่อยมุขมาให้ฮาบ้างเป็นระยะ

  • เมื่อ 3 ธ.ค. 53 10:21

    สารภาพว่าตอนที่ผมเห็นตัวอย่างหนังเรื่องนี้แล้วผมก็ อยากไปดูในโรงมาก แต่ไม่มีเวลาที่จะไปดูเลย พอหนังฉาย ก็ดันมีกระแสแง่ลบออกมา บวกกับรายได้ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ ผมก็สงสัยว่า เอ มันไม่เวิร์คยังไง ทั้งเอฟเฟคยังยอดเยี่ยมขนาดนั้น แถมเป็นผลงานของ ดิสนีย์ ที่ไม่เคยทำให้หนังออกมาห่วยอยู่แล้ว ก็เลยเก็บความสงสัยนั้นจนเฝ้ารอวันที่ DVD ออก และผมไม่รอช้าเลยที่จะซื้อมาทันทีครับ

    เนื้อเรื่อง

    ในอดีต ได้มีแม่มดผู้ชั่วร้ายพยายามทำลายโลก ซึ่งพ่อมดเมอร์ลินได้พยายามขัดขวางโดยตลอด แต่สุดท้ายก็โดนแม่มดนางนั้นสังหาร ก่อนตาย เมอลินได้มอบแหวนวงหนึ่งเอาไว้ และได้ฝากบัลธาซ่า หรือ นิโคลัส เคจ เอาไว้ ว่าจะมีผู้สืบทอดพลังของเขาเพื่อกำจัดแม่มดนั้นและช่วยโลกเอาไว้

    พันปี ต่อมา เดฟ เด็กหนุ่มผู้บ้าฟิสิกส์ ได้รับเลือกจากแหวนของเมอลิน โดยเขาจะต้องมาฝึกฝนเวทมนต์เพื่อมาพิทักษ์โลก ในขณะเดียวกันก็ต้องเอาชนะใจของสาวน้อยที่เขาแอบปิ๋งเธอมาเป็นสิบปีเหมือน กัน

    จบเนื้อเรื่องแต่เพียงเท่านี้

    เอาหละ วิจารณ์ จะพยายามเปิดเผยเนื้อหาสำคัญนะครับ

    หากคุณเคยดูหนังประเภทนี้มา ประมาณพระเอกเป็นคนไม่มีความสามารถ จู่ๆ ได้รับเลือกให้มีพลังหรือฝึกฝนจนตัวเองเก่งด้วยอะไรสักอย่าง ต่อสู้กับตัวร้าย ตู้ม ต้าม ตี้ม จบ Happy Ending นั่นคือแนวทางของหนังเรื่องนี้ครับ แน่นอนว่ามันเดาตอนจบได้ตั้งแต่อ่านเนื้อเรื่องย่อ

    แต่ถามว่า ทำไมผมถึงแนะนำให้ไปซื้อดู

    เพราะนี่มันเป็นหนังแนวนี้ แนวใหม่ ยุคใหม่ ยุคที่คนดูหลายคน รู้อยู่แล้วว่า สูตรของหนังมันต้องดำเนินมาแบบนี้ชัวร์ มันต้องมีแบบนี้แน่ๆ และทำออกมาได้กลมกลืนและเดาใจคนดูได้หลายจุดด้วย

    หนังทำออกมามีกลิ่น อายของแฮร์รี่ พอตเตอร์หน่อยๆ ตรงที่ว่าพระเอก เดฟ ของเรามีพลังเวทมนต์อยู่ แต่เจ้าตัวไม่เคยรู้ตัว จนกระทั่งมีคนมาบอก แต่ที่แตกต่างกันก็คือ เดฟไม่ได้สืบสายเลือดพ่อแม่แท้ๆ 100 % (หมายความว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายไม่ได้ใช้เวทมนต์) และในเรื่องนี้ เวทมนต์แทบไม่ปรากฎมาให้เห็นเลย ยกเว้นคนที่ป๋าเคจไล่ตามจัดการนั่นเอง

    หนัง ทำออกมาสอดคล้องกับยุคสมัยใหม่ ตรงที่ว่า ณ ขณะนี้ เทคโนโลยีได้เข้าถึงพวกเราทุกซอกทุกมุมแล้ว และเวทมนต์เองก็ได้รับการพิสูจน์ด้วยหลักการวิทยาศาตร์แล้วว่ามันใช้งานแบบ เดียวกันและมีกระบวนการเหมือนกัน ดังนั้น หนังเรื่องนี้จึงใช้แนวทางนี้ผสมผสานกัน นั่นก็คือ วิทยาศาสตร์ และ เวทมนต์ ครับ

    เดฟ พระเอกหนุ่มของเรา เป็นคนที่ชอบฟิสิกส์ยิ่งกว่าอาหารสามมื้อ เก่งคำนวณและชอบวิทยาศาสตร์มาก (และแตกต่างกับคนเขียนโดยสิ้นเชิง) แน่นอนว่าสำหรับคนที่บ้าวิทยาศาสตร์ ย่อมไม่เชื่อเรื่องเวทมนต์อยู่แล้ว แต่สำหรับหนังเรื่องนี้ใช่ว่าตัวเอกหนุ่มของเราจะปฏิเสธมันทุกอย่าง ตรงกันข้าม เขากลับชื่นชอบและยอมรับ ทำไมหละ ? เพราะว่ามันก็คือวิทยาศาสตร์นั่นแหละ

    ส่วนอาจารย์ของเรา บัลธาซ่า หรือ ป๋านิโคลัส เคจ ของเรานั้น ก็คือลูกศิษย์ของสุดยอดพ่อมดเมอลิน ผู้ที่มีพลังเวทย์กล้าแข็ง เป็นอาจารย์ที่ใจเย็นและเข้าใจลูกศิษย์มาก แม้ว่าจะรู้สึกสมเพศเขาบ่อยๆ ก็ตาม ซึ่งนั่นเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ก็คือ การที่ป๋าเคจมาเล่นแล้วทำให้ จากปกติ อาจารย์จะต้องเป็นคนเข้มงวด บ่นไม่หยุด หรือผู้รอบรู้ กลายเป็นประมาณว่า เออ ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ เอาง่ายๆ ผมเทียบเลย สมมุติไปเรียนวิชาฟิสิกส์ บอกอาจารย์ว่า ผมไม่เข้าใจครับ อาจารย์ก็จะบอกว่า "ไม่เป็นไร มันยาก ค่อยๆ เรียนรู้ เข้าใจว่าเราไม่ชอบวิชานี้" อะไรทำนองนี้

    สิ่งสำคัญของเรื่องนี้ที่ ตัวหนังพยายามสื่อก็คือ ไม่ว่าเราจะชอบอะไร หรือ จะยังไงก็ตาม แต่ถ้าเรายอมรับมัน มันก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจหรือไร้สาระสำหรับเราเลยสักนิด การที่ตัวเอก เดฟ เป็นคนที่ชอบฟิสิกส์ ก็สื่อจากจุดนี้ หลายคนรู้อยู่แล้ว คนที่ชอบวิทยาศาสตร์ย่อมไม่ชอบเรื่องเหลวไหลอย่างเวทมนต์ แต่เขาสามารถยอมรับและประยุกต์ใช้มันได้

    จุดสำคัญที่ทำให้หนังเรื่อง นี้แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ ในแนวเดียวกันก็คือ ความฮาของเรื่อง ผมอาจบอกได้ว่านี่มันอาจเป็นหนังที่เกี่ยวกับเวทมนต์ที่ฮาที่สุดในโลกก็ได้ ด้วยการแสดงของป๋าเคจและตัวเอกของเรา ทำให้เรื่องนี้มีสีสัน และเป็นเอกลักษณ์ หนังแนวนี้ คุณอาจดูแค่รอบสองรอบแล้วก็พอ แต่เรื่องนี้ คุณอาจเอามาดูซั้าหลายครั้ง เพราะมุขของมันก็สดใหม่ และก็เรียกเสียงฮาได้ตลอด และจะมีมุขแบบนี้แทรกมาตลอดยันจบเรื่อง

    เอ ฟเฟคในเรื่องนี้เป็นจุดเด่นสำคัญจนผมแอบตะหงิดใจอย่างหนึ่งว่า "เสียดาย น่าซื้อเป็นบลูเรย์อ่ะ" นั่นเพราะว่าภาพในเรื่องนี้งามเอามากๆ และภาพหลายฉาก ทั้งมุมกล้องเอย แสง สี เอย เหมาะแก่การเล่นแบบ HD เอามากๆ เอเฟคดูเนียนและงามตา ซึ่งผลงานด้านนี้ต้องยกนิ้วให้กับทีมสร้างเอฟเฟคเรื่องนี้ คุณอาจเห็นความยอดเยี่ยมของเอฟเฟคจากเรื่อง จี- ฟอร์ด เรื่องนี้ก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน เอฟเฟคแทบทุกฉาก ทำได้เนียนและไร้ที่ติ ดูเป็นธรรมชาติมาก

    การเข้าถึงบทบาทนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะป๋าเคจของเราทำได้สุดยอดเสมอ ส่วนเดฟ ตัวเอกของเรานั้นก็ทำได้ไม่เลว เพราะในฐานะของตัวละครช่วงวัยรุ่น ความสับสนและอะไรหลายๆ อย่างย่อมถาโถมเข้ามา แต่ในหนังเรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวลว่ามันจะออกมาดราม่ามาก เพราะเหมือนกับว่าทีมงานสร้างจะเข้าใจดี ก็เลยปรับบทจนแทบหาความดราม่าไม่ได้ คุณวางใจได้เลยว่าคุณจะไม่ต้องเห็นฉากเครียดแน่นอน ส่วนนางเอกของเรานั้นแน่นอนว่าไม่ต้องห่วงว่าจะลากเข้าเรื่องทำให้ดราม่า หรืออะไร เพราะเรื่องนี้ คนเขียนบทเขียนออกมาประมาณว่า เข้าใจคนดูพวกเราเป็นอย่างดีในการดูหนังแนวนี้

    ระบบเสียงนั้นยังได้ ยอดเยี่ยมในระบบ 5.1 ยิ่งหนังระดับฟอร์มยักษ์แบบนี้แล้วยิ่งดีเข้าไปใหญ่ และผมเชื่อว่าถ้าเป็นบลูเรย์มันต้องยอดเยี่ยมกว่านี้ ถ้ามันมีระบบ 7.1 รับรองว่าต้องกระหึ่มครับ

    และทีนี้แหละ มาถึงเวลาสับ

    จริงๆ ในเรื่องนี้ฉากที่ผมอยากสับนั้นมีไม่กี่จุดหรอก แต่อยากยกมาสักจุดสองจุด อย่างแรกก็คือ จะมีอยู่ช่วงหนึ่งผมจะไม่บอก เพราะมันจะสปอย แต่จะมีนักแสดงคนหนึ่งปรากฎตัวออกมา ทั้งๆ ที่ครึ่งแรกของหนังไม่เห็นจะโผล่ออกมาเลย แต่กลับโผล่ออกมาแป้บเดียวแล้วก็ไม่มีบทซะงั้น มันประมาณว่า เขาเป็นใคร มาจากไหน น่าะให้มีบทออกมามากกว่านี้ แน่นอนว่ามันไม่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในการดูหนังช่วงนั้นหรอก แต่ความมีเหตุผลมันหายไปอยู่นิดนึง

    อีกช่วงก็คือ การที่ชาวเมืองหรือตัวประกอบมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้นน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย ทั้งๆ ที่ฉากส่วนใหญ่อยู่กลางเมือง ซึ่งจะมีต้องมีคนธรรมดาอยู่ในเหตุการณ์เยอะมาก แต่นี่กลับไม่มีออกมาให้เราเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากสุดท้าย ทำให้ประมาณว่า ตกลงแล้วทั้งเมืองมันมีแต่พวกพระเอกกับตัวร้ายใช่มิเนี่ย แต่ฉากพวกนี้ก็ทดแทนโดยการเพิ่มฉากเอฟเฟคเพิ่มเข้าไป ถ้าเทียบกับหนังเรื่องอื่นที่แนวเรื่องคล้ายกันละก็ ผมว่าเรื่องนี้ดีกว่านะ

    และ ด้วยการที่ทำเป็นหนังครอบครัว การเดาเรื่องง่ายนั้นเป็นเรื่องปกติ และนั่นอาจทำให้หนังเรื่องนี้ทำออกมาแล้วคำวิจารณ์ไม่ค่อยดีนัก มันถูก ที่หลายคนอยากดูความแปลกใหม่ แต่สำหรับผมแล้ว มันคือ ความบันเทิงแบบใหม่ที่จะทำให้หนังแนวนี้ สด ใหม่ เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นและเสียงหัวเราะ และนั่นก็เป็นเสน่ห์ของดิสนีย์ ที่จะทำให้หนังเรื่องนี้มีเอกลักษณ์และเป็นที่จดจำได้อีกนาน

    และทั้ง หมดนี้ ตอบโจทย์
    1. หนังสนุกไหม
    ตอบ บอกมาซะขนาดนี้บอกไม่สนุกก็ไม่ใช่ละครับ สนุกมากกกกก

    2. ความคุ้มค่าในการซื้อแผ่นเก็บ
    ตอบ ผมว่าถ้าซื้อเป็นบลูเรย์จะคุ้มค่ามาก เพราะฉากและเสียงงามมาก และหนังเรื่องนี้ก็เหมาะเอามาดูหลายรอบได้ เพราะทั้งความสดใหม่ ทั้งมุข ทั้งบท มันไม่ได้ซํ้ากับหนังเรื่องอื่นแนวคล้ายกัน และเหมาะที่จะให้เด็กๆ ดูมากครับ

    3. เป็นผู้ใหญ่ดู และจะหลับไหมเนี่ย
    ตอบ ผมบอกได้ มีสิทธิ ถ้าคุณดูแล้วเฉยๆ ไม่ซึมซับในตัวหนัง อาจมีบางช่วงทำให้คุณหลับได้ ถ้าคุณไม่ใช่คอหนังโดยแท้จริง

    คะแนน - 9.3 / 10.00

    เหตุที่ ตัด
    - ตัวละครมีคนหนึ่งโผล่มาแบบไร้ที่มา ถึงจะมีแต่น่าจะมีบทเพิ่มมากกว่านี้
    - เหตุการณ์เกิดขึ้นในเมืองแท้ๆ แต่ประชาชนกลับไม่ค่อยมีส่วนร่วมมากเท่าที่ควรในเหตุการณ์ความเป็นจริง

    ** ถึงผมจะบอกว่าหนังดีมากน้อยแค่ไหน ผมไม่สนับสนุนให้ขโมยโดยการโหลดเถื่อนนะครับ ของแท้ลิขสิทธิก็มีขาย และควรซื้อของลิขสิทธิด้วย เพราะภาพและเสียงงามมาก ซื้อแผ่นผีหรือโหลดเถื่อนมา จะเสียใจ

  • เมื่อ 2 ธ.ค. 53 19:01

    สนุกดีครับ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 16 พ.ย. 53 14:46

    เนื้อเรื่องไม่เท่าไร ฉากแอคชั่นก็เช่นกัน

    นางเอกน่ารัก พระเอกงั้นๆ และถ้าไม่มีเคจ กับนางเอก เรื่องนี้ก็ไม่ค่อยเท่าไร

    แต่ก็ดูได้เพลินๆ 7/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 8 ส.ค. 53 01:52

    เอาไป 6/10

    พระเอกหน้าจิ่งจกเสียงก็แปลกๆ มุกที่เล่นก็ฝืดสุดๆ เนื้อเรื่องอ่อนมาก

  • เมื่อ 5 ส.ค. 53 22:32

    สนุกดีครับ คุ้มค่าเงินมากครับ เนี่ยแหละ หนังที่ไทย ทำไม่ได้ มันดีครับ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 5 ส.ค. 53 15:46

    ส่วนตัว ผมว่าบทหนังยังอ่อนไปนิด ฉากแอ๊คชั่นไม่เท่าไหร่ครับ รวม ๆ ถือว่าพอดูได้ 7/10 ครับ

  • เมื่อ 5 ส.ค. 53 14:42

    เราว่ามันดำเนินเรื่องเนือยๆ ไปอ่ะ

    เอาไป 7/10 ละกัน

    โดยส่วนตัวแล้วว่า Prince Of Persia สนุกกว่าอ่ะ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 4 ส.ค. 53 12:43

    ขอพูดถึงซาวนด์แทร็คก่อน
    เราชอบ OneRepublic เป็นที่หนึ่งเลย ติดตามมาตั้งแต่อัลบั้มที่แล้วซึ่งนี่คืออัลบั้มที่สอง เพลงหลัก ๆ คือ Secrets ที่ในเรื่องเปิดบ่อยมาก เพลงนี้ออกมาก่อนหนังเข้าฉายซักประมาณ 1 เดือนนิด ๆ แต่ตอนนี้ซิงเกิ้ลใหม่ของพวกเขาปล่อยแล้ว

    เราเป็นคนคอหนังและฟังเพลงสากล!

    พูดถึงหนัง แนวแฟนตาซีคงเป็นที่คุ้นเคยของ เจอร์รี่ บรั๊คไฮเมอร์ อย่างที่เราเคยดู Prince of Persia น่ะ

    เรื่องนี้ก็สนุกนะ

    แจ้งลบ
มีทั้งหมด 41 วิจารณ์ หน้าที่ 1 [ก่อนหน้า] 1 2 3 4 5 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • โกหก...ทั้งเพโกหก...ทั้งเพเข้าฉายปี 2003 แสดง เร แม๊คโดแนลด์, พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์, เผ่าพล เทพหัสดิน ณ อยุธยา
  • เกรียน ฟิคชั่นเกรียน ฟิคชั่นเข้าฉายปี 2013 แสดง พันธดนย์ จันทร์เงิน, กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม, ปุริม รัตนเรืองวัฒนา
  • The RecruitThe Recruitเข้าฉายปี 2003 แสดง Al Pacino, Colin Farrell, Bridget Moynahan

เกร็ดภาพยนตร์

  • Transformers: Age of Extinction - เหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ใน Transformers: Dark of the Moon (2011) 4 ปี อ่านต่อ»
  • Begin Again - เป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของ อดัม เลอวีน นักร้องนำวง มารูน ไฟว์ ในบท เดฟ อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Mission Mangal Mission Mangal สร้างจากเรื่องจริงขององค์การวิจัยอวกาศแห่งอินเดีย (ไอสโร) ประสบความสำเร็จในการปล่อยยานอวกาศไปยังดาวอังคาร (มานกัลยาน) แ...อ่านต่อ»