1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

อยาก อยู่ อย่าง ใหญ่ ภาพยนตร์เติมไฟให้สู้ไม่ท้อ

อยาก อยู่ อย่าง ใหญ่ ภาพยนตร์เติมไฟให้สู้ไม่ท้อ

จากชีวิตของ "ใหญ่ - อนันตโชติ ชัยปรีชา" สู่ภาพยนตร์ "อยาก อยู่ อย่าง ใหญ่" เรื่องราวการต่อสู้ของลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดมาพร้อมความจนแต่ใช่ว่าประตูแห่งความร่ำรวยจะไม่เปิดต้อนรับ ด้วยความมานะอดทนต่อความลำบากทำให้วันนี้ ใหญ่ เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากมาย ด้วยความคิดที่อยากสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนในสังคม ใหญ่ จึงถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของตัวเองออกมาเป็นภาพยนตร์ รับหน้าที่ถ่ายทอดโดย "ก้อง - สรวิชญ์ สุบุญ" "แม็กกี้ - อาภา ภาวิไล" "จิ๊ก - เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์" และ "โย่ง เชิญยิ้ม" กำกับภาพยนตร์โดย "ด๊อง - วุฒิชัย เจตน์ตระกูลวิทย์" เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2557 เจ้าของเรื่องราวชีวิตจริงพร้อมกับเหล่านักแสดงและผู้กำกับได้มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า โดยได้ "แอ๊ด คาราบาว" หรือ "ยืนยง โอภากุล" มาขับร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ "อยาก อยู่ อย่าง ใหญ่" ในงานอีกด้วย

ใหญ่ เล่าถึงเหตุผลที่หยิบยกเอาเรื่องราวชีวิตจริงของตัวเองมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ให้ฟังว่า "ก็ในความสำเร็จนะครับกว่าจะถึงวันนี้ (หัวเราะ) ต้องบอกว่าเราสู้มาเยอะ ตั้งแต่เด็กเลยนะครับ เพราะผมจบแค่ชั้นประถมนะครับ พอมีโอกาสนะครับได้สู้ได้ทำงานมาหลายอาชีพมากนะครับ อย่างเช่น ภาพยนตร์ อยาก อยู่ อย่าง ใหญ่ ที่เราสร้างนะครับ ก็มีตัวแทนของอาชีพต่างๆ ประมาณ 8 อาชีพที่ผมผ่านมา เพื่อเอามาเป็นต้นแบบเป็นแม่แบบนะฮะให้ได้หลายคนได้มีแรงบันดาลใจครับ" ด้าน ก้อง เผยว่าเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรก "เป็นหนังเรื่องแรกด้วยครับก็จริงๆ ต้องขอบคุณพี่ด๊องและทีมงานทุกคน ผมเป็นคนละคร จังหวะการเล่นละคร จังหวะการเล่นหนังไม่เหมือนกัน ก็ต้องปรับ ไม่ใช่ว่ามาถึงแล้วจะเล่นอย่างที่เราเคยเล่นก็ไม่ได้"

ความยากของการกำกับภาพยนตร์เรื่อง ผู้กำกับ ด๊อง เปิดเผยว่า "นั่งคุยกันเกือบ 3 อาทิตย์ครับกว่าจะได้เรื่องราวชีวิตของคุณใหญ่ คือบทหนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์นะครับ อีก 30 เปอร์เซ็นต์จะเป็นเรื่องที่ให้ความบันเทิง ใส่สาระ ใส่ความตลก เอนเตอร์เทนเข้าไป ถามว่ากำกับยากไหม หนังเรื่องนี้กำกับไม่ยากครับ เพราะว่าเราต้องยอมรับว่าพระเอกคุณหมอก้องเป็นคนที่ทำการบ้านมาดีครับ แล้วมีวินัยจำบทแม่นมาก ผมเห็นเขาอ่านบทนะครับ เขาหยิบบทขึ้นมาปุ๊บนับจับเวลา 10 วิฯ เขาไปเล่นได้เลย แล้วจำบทเผื่อคนอื่นด้วยนะ (หัวเราะ) ใครที่เล่นต่อจากเขาสบายเลย (หัวเราะ) แล้วดาราที่มาเล่นกับเราก็โอเคทุกคนนะครับ แล้วก็เราใช้เวลาถ่ายทำประมาณ 2 เดือนกว่าๆ เพราะว่าด้วยคิวของน้องแม็กกี้กับคุณหมอก้องก็คิวทองพอสมควร"

เมื่อถามนักแสดงหนุ่ม ก้อง ว่าอะไรคือความยากของการมาสวมบทเป็น ใหญ่ เจ้าตัวตอบว่า "พี่เขาไปหลายที่เหลือเกิน แล้วเวลาถ่ายทำก็ไปหลายที่ตามไปด้วย ผมคิดว่าจริงๆ มันแค่ส่วนเดียวเอง คือเอาทุกอาชีพของพี่มาเล่าคงไม่หมด มันลำบากในฐานะนักแสดง เพราะว่าปกติเวลาผมเล่นละครมันก็จะเป็นแค่ตัวละครตัวเดียว แล้วก็ทำความเข้าใจในตัวละครตัวนั้น ซึ่งมันก็เป็นตัวละครที่อยู่ในบทประพันธ์ใช่ไหมครับ อันนี้มันเป็นคนจริงๆ แล้วก็มีตัวมีตนอย่างนี้ มันก็ต้องพยายามที่จะเข้าใจในตัวเขาเลย ไม่ได้เข้าใจในตัวละครที่เราตีความเอง แล้วแต่ละอาชีพก็เป็นอาชีพบอกตามตรงว่ามันไกลตัวไปเยอะเลย (หัวเราะ)" ฟาก แม็กกี้ ถึงกับปรึกษาคุณแม่เพื่อมารับบทบาทเป็นภรรยา "ต้องไปถามแม่ค่ะ ความรู้สึกแม่ (หัวเราะ) ปรึกษาแม่ก่อน แม่ก็บอกว่ามันก็พูดยากนะลูก แล้วก็เล่ายาวไปเลย (หัวเราะ) เล่าตั้งแต่วีรกรรมตั้งแต่สมัยนู่นนี่นั่นมาเลย (หัวเราะ) หนูอยากต้องการเรียนรู้ความรู้สึกที่ว่าคนใช้ชีวิตร่วมกันเป็นยังไง"

ส่วนสิ่งที่ผู้ชมจะได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ใหญ่ กล่าวว่า "แน่นอนครับ เพราะความตั้งใจของผมอย่างสูงสุดคือต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้คนสู้ชีวิต เมื่อคุณจะทำอาชีพอะไร ทำงานอะไรอยู่นะครับ ถ้าคุณได้ดูเรื่องราวชีวิตตั้งแต่เราเป็นเด็กจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ผมว่าหลายอย่างในความคิดคุณจะเปลี่ยนไป เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีปรัชญาเยอะมากนะครับ วิธีคิด วิธีการดำเนินชีพของตนเอง เพราะว่าอะไรก็แล้วแต่ที่มันผ่านมาผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะล้มลุกคลุกคลานมาคงไม่ต่างจากผมเท่าไร แต่ว่าวันนี้พอผมสำเร็จผมก็อยากจะถ่ายทอดแง่มุมหนึ่งในฐานอาชีพๆ หนึ่ง ซึ่งหลายๆ คนอาจจะมองข้าม อาจจะไม่เข้าใจมัน อยากให้หลายๆ คนดูโดยกระแสภาพรวมของบ้านเมืองเราตอนนี้ ผมอยากสร้างแรงบันดาลใจให้คนทุกหมู่เหล่าอาชีพได้รู้จักว่าอะไรที่จะทำให้เรามีการเปลี่ยนแปลงได้ ก็คือแน่นอนต้องเลือกอาชีพที่มันสามารถทำให้เราต่อสู้แล้วเราเปลี่ยนแปลงวิธีคิดได้เร็วครับ"

ก่อนที่ ก้อง จะเป็นตัวแทนกล่าวฝากภาพยนตร์ว่า "เอาในฐานะที่ผมเล่นเป็นพี่ใหญ่แล้วกัน คือตอนเราอ่านบทไปเล่นไป เราก็รู้สึกว่า โห มันขนาดนี้เลยเหรอ (หัวเราะ) คือชีวิตคนเราเนี่ยครับ คนหนึ่งมันได้ขนาดนี้เลยเหรอ คืออันนี้ผมต้องยอมรับตามตรงว่าชีวิตคนเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะว่าแต่ละคนเลือกเกิดไม่ได้ถูกไหมครับ อย่างตัวผมเองผมก็ไม่เคยลำบาก ในชีวิตก็ไม่เคยลำบากที่สุดเท่ากับพี่ใหญ่ แล้ววันนี้ผมยังไม่ได้เรียกว่าประสบความสำเร็จมากเท่าพี่ใหญ่ เพราะฉะนั้นช่วงชีวิตของพี่ใหญ่กว้างมาก จากที่เรียกว่าต่ำสุดๆ ไปถึงเรียกว่าประสบความสำเร็จสุดๆ คนดูหลังจากที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ คือความสนุกของมันได้แน่นอนเพราะว่าหนังอ่ะดูมันก็ต้องสนุกอยู่แล้ว ที่ได้มากกว่านั้นคือผมเชื่อว่าจะต้องได้ทุกคน ก็คือหนึ่งออกมาจากโรงฯ นะครับต้องได้กำลังใจ กำลังใจในการทำงาน ในการที่จะคิดอะไรดีๆ สร้างสรรค์ รู้สึกมีชีวิตอยู่ต่อไปหลายๆ อย่าง แล้วก็จะเห็นชีวิตของคนๆ หนึ่ง ซึ่งผมเชื่อว่าลำบากกว่าหลายๆ คนเลยฮะ แต่ ณ วันนี้เขาเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้วมันจะทำให้เราไม่ท้อ"

การต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของผู้ชายคนหนึ่งถูกถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ อยาก อยู่ อย่าง ใหญ่ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ วันที่ 19 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไป

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35

ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • Steve Jobs - เดิมที เดวิด ฟินเชอร์ รับหน้าที่กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ถูกถอดออกเพราะ เดวิด ต้องการค่าจ้าง 10,000,000 เหรียญสหรัฐ และต้องการมีอำนาจควบคุมกระบวนการสร้างสรรค์ภาพยนตร์อย่างเต็มรูปแบบ ขณะนั้น เดวิด อยากให้ คริสเตียน เบล เข้ามารับบท สตีฟ จ็อบส์ แต่หลังจาก แดนนี บอยล์ เข้ามารับหน้าที่กำกับแทน ได้ทาบทาม ลีโอนาร์โด ดิคาพริโอ มารับบทนำ แต่ ลีโอนาร์โด ปฏิเสธไป หลังจากนั้น คริสเตียน ก็ได้รับข้อเสนอให้แสดงบทนี้อีกครั้ง ซึ่งเขาก็ปฏิเสธเช่นกัน ในที่สุดจึงได้ตัว ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ เข้ามารับบท สตีฟ จ็อบส์ อ่านต่อ»
  • 45 Years - ชาร์ลอตต์ แรมพลิง นักแสดงบท เคต และ ทอม คอร์ตเทเนย์ ผู้รับบท จีออฟ เคยปรากฎตัวร่วมกันใน Night Train to Lisbon (2013) มาก่อน อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวความยากลำบากและชัยชนะของหญิงชาวอินเดียคนหนึ่งที่เป็นเหยื่อจากการโจมตีด้วยกรด ตั้งแต่ชั้นสอบสวนเกี่ยวกับการโจมต...อ่านต่อ»