อัลบัม So Long Astoria - The Ataris

The Ataris (ดิ อา-ตา-ริส) หนึ่งในวงพังก์ดาวรุ่งมาแรง นำโดย Kris Roe แกนนำของวงที่นอกจะรับตำแหน่งมือกีต้าร์และนักร้องนำแล้วเขายังรับหน้าที่แต่งเพลงเก็บทั้งหมดในอัลบั้มอีกด้วย ร่วมด้วยอีก 3 สมาชิก ได้แก่ Johnny Collura (กีต้าร์), Mike Davenport (เบส) และ Chris Kidd Knapp (กลอง)

จุดเด่นของ The Ataris คือ ดนตรีร็อกมันๆ ที่เต็มไปด้วยพลังทำนองติดหู แต่แฝงด้วยเนื้อเพลงที่ให้แง่คิดที่น่าสนใจ พวกเขาสร้างชื่อเสียงจากการเป็นวงอินดี้ร็อกที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับด้วยการตระเวณทัวร์อย่างหนัก และมีผลงานเพลงชั้นเยี่ยม ออกมาแล้วถึง 3 อัลบั้มได้แก่ Anywhere But Here (1997), Blue Skies, Broken Hearts…Next 12 Exits (1999) และ End Is Forever (2001) ซึ่งแต่ละอัลบั้มสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 100,000 ก๊อปปี้

นอกจากยอดขายอัลบั้มมหาศาลในระดับของวงอินดี้แล้ว The Ataris ยังเคยเป็นวงเฮดไลน์ในเวทีหลักของ Van Warped Tour ซึ่งเป็นทัวร์คอนเสิร์ตพังก์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกด้วย และยังเคยขึ้นเวทีกับวงชั้นนำอย่าง Blink182, Jimmy Eat The World, The Hives และ 311 และมีคอนเสิร์ตที่ขายบัตรหมดล่วงหน้าใน อเมริกา, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์มาแล้ว

อัลบั้ม So Long, Astoria คือ ผลงานชุดแรกของ The Ataris ที่ออกกับสังกัดใหญ่อย่าง Columbia Records ภายใต้การจัดจำหน่ายของ Sony Music ซึ่งทิ้งช่วงจากอัลบั้มที่แล้วถึง 2 ปี โดยในอัลบั้มนี้ The Ataris ได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์อย่าง Lou Giordano ซึ่งเคยทำงานร่วมกับศิลปินอย่าง Goo Goo Dolls มาแล้ว

เพลง The Saddest Song บทเพลงสุดเพราะที่ Kris บรรจงแต่งให้กับลูกสาวที่เขาไม่สามารถให้เวลาได้มากนัก โดยในอัลบั้มนี้มีให้ฟังกันถึง 2 เวอร์ชั่นทั้งในแบบ Album Version และ Acoustic Version

In This Diary บทเพลงที่สะท้อนมุมมองเกี่ยวกับการเติบโต และประสบการณ์ในการก้าวข้ามจากวัยเด็กสู่การเป็นผู้ใหญ่

The Boys Of Summer บทเพลงเก่าของ Don Henley อดีตสมาชิก The Eagles ที่ The Ataris นำกลับมาทำใหม่ได้อย่างน่าสนใจ

พิเศษกับ 2 โบนัสฮิดเดนแทร็ก I Won't Spend Another Night Alone และ The Saddest Song ในแบบ Acoustic Version