-.- สตีฟ จ็อบส์ และบิล เกตส์

9 พ.ค. 56 00:09 น. / ดู 1,277 ครั้ง / 10 ความเห็น / 5 ชอบจัง / แชร์
เป็นบทความที่น่าคิดทีเดียว ตัดตอนมาจากเดลินิวส์

...คงไม่มีใครไม่รู้จักสตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอของบริษัทแอปเปิล และก็คงไม่มีใครไม่รู้จักบิล เกตส์ อดีตซีอีโอของบริษัทไมโครซอฟท์ ทั้งสองคนเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในวงการคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและคู่แข่งทางการค้าซึ่งกันและกัน
แต่ช่วงนี้เรา ๆ ท่าน ๆ อาจจะได้ยินข่าวของ สตีฟ จ็อบส์  และ แอปเปิลบ่อยครั้งขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่สตีฟ จ็อบส์ เสียชีวิตลงและกลายเป็นตำนาน พร้อม ๆ กับที่แอปเปิลเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ทยอยเปิดตัวอย่าง สม่ำเสมอ ในขณะที่บิล เกตส์ ซึ่งลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของไมโครซอฟท์ไปตั้งแต่ปี 2551 กลับไม่ค่อยเป็นข่าว หรือมีเหตุการณ์ให้เรานึกถึงอยู่เท่าไร

แต่เชื่อหรือไม่ ณ วันนี้ มีคนผู้หนึ่งพูดอย่างมั่นใจว่า อีก 50 ปีข้างหน้า ผู้คนจะจดจำบิล เกตส์ ในขณะที่สตีฟ จ็อบส์ จะถูกลืมเลือนหลายคนคงคิดว่าเป็นการยากที่จะเชื่อ

คนที่พูดดังกล่าวคือ มัลคอล์ม เกลดเวลล์ นักเขียนจากวารสาร เดอะ นิว ยอร์กเกอร์ (The New Yorker) และผู้แต่งหนังสือระดับ Best Sellers หลายเล่ม เช่น The Tipping Point (ฉบับแปลไทยชื่อ จุดชนวนคิด พลิกสถานการณ์) และ Outliers (ฉบับแปลไทยชื่อ สัมฤทธิ์พิศวง)

เกลดเวลล์แสดงความเห็นของเขาออกมาในงาน Appel Salon ณ ห้องสมุด Toronto Public Library ประมาณปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่คนในวงการไอทีถกเถียงกันมากมาย

เกลดเวลล์กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้เขาเชื่อว่าผู้คนจะจดจำบิล เกตส์ได้จากงานการกุศลของเขา เขายังพูดด้วยว่าผู้คนก็จะลืมเลือนไปด้วยว่าไมโครซอฟท์คืออะไร ผู้คนจะลืมสตีฟ จ็อบส์แต่จะมีอนุสาวรีย์ของเบิล เกตส์ตามประเทศโลกที่สามเต็มไปหมด

ก่อนอื่นเราต้องมาดูกันว่างานการกุศลของบิล เกตส์คืออะไร และมีความแตกต่างจากงานการกุศลอื่น ๆ อย่างไร บิล เกตส์ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอเพื่ออุทิศเวลาของตัวเองให้กับมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation ซึ่งเป็นมูลนิธิที่บิล เกตส์และภรรยาตั้งขึ้น โดยเกตส์และภรรยาได้บริจาคเงินเกือบเก้าแสนล้านบาท (ถ้านึกไม่ออกว่าเยอะขนาดไหนก็ขอให้ลองนึกว่าสหประชาชาติมีงบประมาณซึ่งได้รับจากเงินบริจาคจากประเทศสมาชิกทั่วโลกปีละแสนสามหมื่นล้านบาท แปลว่าเงินที่บิล เกตส์บริจาคนั้นเท่ากับที่แต่ละประเทศทั่วโลกจ่ายกันประมาณ 7 ปี)

และสิ่งที่แตกต่างคือบิล เกตส์ได้ใช้ความเป็นนักธุรกิจตัวยงของเขาในการบริหารมูลนิธิ บิล เกตส์ใช้หลักการของการลงทุนเพื่อที่จะให้เงินที่ใช้ไปนั้นให้ผลลัพธ์ได้ดีที่สุด ซึ่งก็คือเกิดผลกระทบต่อผู้คนมากที่สุด มูลนิธิมีโครงการช่วยเหลือที่เน้นไปในปัญหายาก ๆ ทางด้านสุขภาพ ความยากจน และการศึกษา

ถึงแม้จำนวนเงินและวิธีการที่บิล เกตส์บริหารเงินการกุศลจะน่าสนใจ แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือบิล เกตส์ได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งในการชักชวนให้คนอื่น ๆ โดยเฉพาะบรรดาเศรษฐีร่วมบริจาคเงินเพื่อการกุศลเช่นกัน โดยไม่จำเป็นว่าต้องบริจาคให้มูลนิธิของเขา

ในบรรดาคนที่บิล เกตส์ร่วมชักชวนให้บริจาคนั้นมีวอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าพ่อตลาดหุ้นซึ่งถูกจัดว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอีกคนหนึ่ง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตกลงที่จะบริจาคเงินให้กับมูลนิธิของบิล เกตส์โดยมีเงื่อนไขคือมูลนิธิจะต้องใช้เงินเท่า ๆ กับเงินที่เขาบริจาคไปในแต่ละปี ซึ่งมีผลเท่ากับทำให้งบประมาณในแต่ละปีของมูลนิธินั้นเพิ่มเป็นสองเท่านั่นเอง

บิล เกตส์และภรรยาได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือชื่อ The Power of Half ซึ่งเล่าเรื่องราวของครอบครัว Salven ที่ขายบ้านของเขาทิ้งและนำเงินครึ่งหนึ่งที่ได้จากการขายบ้านมาบริจาคให้กับการกุศล

บิล เกตส์ได้ร่วมก่อตั้งโครงการ The Giving Pledge โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เศรษฐีต่าง ๆ ให้คำมั่นสัญญาว่าจะบริจาคเงินอย่างน้อย “ครึ่งหนึ่ง” ของเงินที่มีอยู่กับโครงการการกุศล

โครงการนี้มีผู้สนใจเป็นอย่างมาก และมีผู้ร่วมโครงการให้คำสัญญาว่าจะบริจาคเงินรวมกันแล้วเกือบสี่ล้านล้านบาท ผู้ร่วมโครงการที่สำคัญที่เรารู้จักกันดีได้แก่ตัวบิล เกตส์เอง วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก

ก็จะเห็นได้ว่าสิ่งที่บิล เกตส์ทำนั้นมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อคนทั่วโลก

สิ่งที่เกลดเวลล์พยายามชี้ให้เห็นคือ ถึงแม้ว่า ณ วันนี้ผู้คนจะจดจำสตีฟ จ็อบส์ในฐานะนักคิด นักธุรกิจที่ยอดเยี่ยม ในระยะยาวแล้วสิ่งที่คนจะจดจำก็คือผลกระทบที่คนผู้นั้นจะมีต่อโลกนั่นเอง และในแง่ดังกล่าว เกลดเวลล์เชื่อว่าคนจะจดจำบิล เกตส์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ผู้เขียน : นัทที นิภานันท์
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
เลขไอพี : ไม่แสดง

มุมสมาชิก กระทู้ล่าสุดโดย `SteveJobs

แสดงกระทู้ล่าสุดโดยเปิด มุมสมาชิก และเลือกแสดงกระทู้ที่ตั้ง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | 'sdc. | 9 พ.ค. 56 00:57 น.

ทำไมต้องเอามาเปรียบเทียบกัน

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | JustFriend. | 9 พ.ค. 56 02:57 น.

ชอบๆ แลมีสาระ 
ขอบคุณนะคะ

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | คุริกิโกะกู้ว | 9 พ.ค. 56 10:05 น.

ขอบคุณนะคะ มีสาระจริงๆ 

ไอพี: ไม่แสดง

#4 | AngelSlayer | 9 พ.ค. 56 10:13 น.

คห1

สงสัยจะอ่านไม่จบ 

สรุปให้ได้ดังนี้

บิล เกตต์  บริจาคให้การกุศลเยอะมาก และตั้งใจจะบริจาคครึ่งหนึ่งของเงินตัวเองให้การกุศลอีกด้วย  ส่วน สตีฟ จ๊อบ ร่ำรวย ประสบความสำเร็จมาก (ยังน้อยกว่าเกตต์) ก็จริง แต่ไม่ได้ทำความดีให้สังคมเท่าไหร่  ตายไป (ตายไปแล้ว) เดี๋ยวเวลาผ่านไป คนก็ลืม  ส่วนเกตต์ ที่ทำดี ทำบุญคืนให้สังคมเยอะมากๆ  พอเขาตายไป ก็จะยังเป็นที่จดจำอยู่  ยังมีคนยกย่อง  มันต่างกันตรงนี้แหละ  มหาเศรษฐีใจบุญ  กับมหาเศรษฐีที่เอาแต่กอบโกย

แก้ไขล่าสุด 9 พ.ค. 56 10:18 | ไอพี: ไม่แสดง

#5 | ramona | 9 พ.ค. 56 12:22 น.

เราเคยอ่านหนังสือเล่มนึงเกี่ยวกับ สตีฟ จอบส์
เขาบอกว่า "ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อเงิน การได้เป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในสุสาน ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรสำหรับผมเลย แต่การได้พูดกับตัวเองบนเตียงทุกคืนว่า เราได้ทำสิ่งที่วิเศษสุดแล้ว นี่สิคืสิ่งสำคัญสำหรับผม"
ทำให้เรานับถือเขามากๆเลย อยากให้ทุกคนมองหลายด้านนะ

ไอพี: ไม่แสดง

#6 | maliblue | 9 พ.ค. 56 16:41 น.

ทั้งคู่ก็อัจฉริยะเหมือนกันแหละ
เรานับถือทั้งสองคนอะ 

แก้ไขล่าสุด 9 พ.ค. 56 16:42 | ไอพี: ไม่แสดง

#7 | Fusezaza | 9 พ.ค. 56 19:02 น.

ไอพี: ไม่แสดง

#8 | .ปาร์คชาล์ล | 9 พ.ค. 56 23:57 น.

thank  you 

ไอพี: ไม่แสดง

#9 | ๙๙. | 10 พ.ค. 56 16:04 น.

ชอบทั้งคู่แหละ

ไอพี: ไม่แสดง

#10 | เจ้าชายมาโยร่า | 11 พ.ค. 56 13:20 น.

ขอบคุณ คห.4 เพราะก็อ่านไม่จบ แหะๆ

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google