อัลบัม Living Things - Linkin Park

2 ปีผ่านไป หลัง ลินคิน พาร์ก (Linkin Park) ปล่อยอัลบั้ม A Thousand Suns ในปี 2010 สมาชิกทั้ง 6 คน ได้แก่ นักร้องนำ เชสเตอร์ เบนนิงตัน (Chester Bennington) นักร้องนำ มือกีตาร์ และคีย์บอร์ด ไมก์ ชิโนดะ (Mike Shinoda) นักกีตาร์ แบรด เดลสัน (Brad Delson) มือกลอง ร็อบ บอร์ดอน (Rob Bourdon) ตำแหน่งเทิร์นเทเบิล โจ ฮาห์น (Joe Hahn) และมือเบส ฟีนิกซ์ (Phoenix) หรือ เดฟ แฟร์เรลล์ (Dave Farrell) ก็พร้อมนำอัลบั้มชุดที่ 5 Living Things มาให้แฟนๆ ได้ฟัง ด้วยฝีมือการโปรดิวซ์ของมันสมองของวงอย่าง ไมก์ และโปรดิวเซอร์มือทอง ริก รูบิน (Rick Rubin)

ลินคิน พาร์ก เริ่มเข้าสู่งานดนตรีทดลองตั้งแต่อัลบั้มชุดที่ 3 Minutes to Midnight เรื่อยมาจนถึงผลงานชุดที่ 4 A Thousand Suns ที่พวกเขาได้ร่วมงานกับ ริก ซึ่งทำให้แฟนเพลงยุคเก่าบางส่วนที่ติดตามมาตั้งแต่อัลบั้มแรก Hybrid Theory ไม่ถูกใจนัก แต่ในอัลบั้มนี้ ลินคิน พาร์ก กลับสู่รากเดิมของพวกเขาอีกครั้งกับดนตรีร็อกผสมผสานอิเล็กทรอนิก รวมถึงการแร็ปของ ไมก์ การร้องทั้งแบบมีทำนองและตะเบ็งเสียงของ เชสเตอร์

เปิดตัวอัลบั้มนี้ด้วยซิงเกิล Burn It Down เพลงต่อต้านสงครามที่มีเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกสังเคราะห์เป็นแกนหลัก ส่วน Powerless เพลงบัลลาดช้าๆ ประกอบภาพยนตร์ Abraham Licoln: Vampire Hunter ยังคงมีจังหวะอิเล็กทรอนิกอยู่กลายๆ คลอไปกับการบรรเลงเปียโนที่เป็นตัวเอก โดยเล่นต่อเนื่องจาก Tinfoil เพลงดนตรีสังเคราะห์สั้นๆ ผสานกับเสียงเปียโน

อีกเพลงที่น่าสนใจ คือ Lost in the Echo ซิงเกิลที่ 2 ที่โดดเด่นด้วยดนตรีสังเคราะห์ เสียงกีตาร์ ประกอบกับการแร็ปของ ไมก์ ควงคู่ไปกับการร้องของ เชสเตอร์ ส่วนเพลงที่ไม่มีใครคิดว่า ลินคิน พาร์ก จะทำก็คือ Castles of Glass ที่มาในดนตรีแบบโฟล์กจากการบรรเลงเครื่องสายกับเครื่องเป่าโดย ไมก์ และการร้องของเขาที่ให้ความรู้สึกมืดมนหดหู่ไปตามเนื้อหาเพลง ขณะที่ Until It Breaks มีเสียงดนตรีสังเคราะห์ที่ให้บรรยากาศล่องลอย โดยแฟนๆ จะได้ยินเสียงร้องของ แบรด มือกีตาร์ ในท่อนจบที่มีเนื้อหาน่าขนลุกเล็กๆ ด้วย