กาลครึ่งนึงความรักของพี่ชาย

12 เม.ย. 55 11:44 น. / ดู 329 ครั้ง / 3 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
ดูชื่อกระทู้แล้ว แลดูเน่าๆ ไม่รู้จะมีใครหลงเข้ามาบ้าง
เปล่าเลย...ไม่ใช่ความรักของผมหรอก มันเป็นเรื่องของคน คนนึง
เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง...
จุดเริ่มที่จะเล่ามันก็อยู่ตรงที่
ผมเลิกกับแฟนมาตั้งแต่13 พฤศจิกา ปีที่แล้ว
แต่จนถึงวันนี้ ผมยังรู้สึกว่ามันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ยังรู้สึกเจ็บปวดกับมัน เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ
คำจากลา วินาทีที่จากกัน เหมือนมันสัมผัสได้อ่ะ เจ็บมาก
บ่อยๆมานี้ก็ทำตัวเข้มแข็งต่อหน้าผู้คน
เวลาอยู่คนเดียวก็บอกตัวเองว่าไปไม่เป็นไร ชั้นไม่เป็นอะไร
แต่ก็บ่อยครั้ง ที่ต้องมานั่งร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง
ร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุ ร้องแบบญาติเสียจะเป็นจะตาย
เพราะคำว่า "ชั้นไม่เป็นอะไร" มันเป็นการหลอกตัวเอง
บางทีเวลาเสียใจ ก็ควรยอมรับไปเถอะ
ยิ่งหลอกตัวเอง ก็จะยิ่งเก็บกด แล้วเวลามันระเบิดทีหลัง มันทำร้ายตัวเองเกินไป

ผมหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเองแล้วก็ได้มีโอกาสได้ฟังเรื่องความรักของชีวิตคนอื่นมาบ้าง
มีผู้ชายคนนึงเข้ามาในชีวิตของพี่สาวผม...
เค้าเป็นอดีตรองอธิบดีมหาลัยเอกชนแห่งนึง ...
เค้าเป็นผช.ที่ฉลาด ทรงภูมิ และใจดีมากๆ เท่าที่ผมเคยเจอมา
เค้ามีอายุรุ่นพ่อผมเลยทีเดียว ชีวิตเลยยาวนานมามาก( พ่อผม 58-59 ปีแล้ว)
ผมขอเรียกพี่เค้าว่า พี่ทัศ ละกัน
พี่ทัศกับพี่สาวผม รู้จักกันมาจะสองปีแล้ว
ผมไม่รู้คนอื่นเค้าจะมองยังไง แค่คนรุ่นพ่อมาคบกับพี่สาวผม ซึ่งคนอื่นก็ต้องมองไม่ดีแน่นอนอยู่แล้ว
แต่ผมก็รักและเคารพพี่ทัศจริงๆ 

พี่ทัศมีลูกสาว 3 คน ลูกสาวแกก็อายุไล่เลี่ยกับพี่สาวผมนี่หล่ะ
คนที่ 1,2 แม่เดียวกัน ส่วนคนที่ 3 อีกแม่นึง
แลดูเป็นผช.ลั้นล้ามากช่วงชีวิตวัยหนุ่ม
แต่แกกลับบอกว่า แกไม่ได้รัก ผญ.ทั้งสองคนเลย
ผู้หญิงที่แกรักเป็นอีกคนนึง...
...เรื่องราวอยู่ตรงนี้หล่ะ

พี่ทัศบอกว่า ตอนนั้นแกยังหนุ่มๆ (25-35ปี)
แกมีแฟนคนนึง แกรักมาก คือรักกันดี และรักกันมากนั้นหล่ะ
ก็ไปมาหาสู่ ครอบครัวรู้ว่าคบกัน ความรักราบรื่นเป็นไปด้วยดีตลอด
มาวันนึง พี่ทัศชวนแฟน ไปงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง
แต่แฟนแกไม่ไป...ด้วยความน้อยใจ แล้วตอนนั้นด้วยอารมณ์คนวัยหนุ่ม
ยังไม่คิดอะไรหน้าหลัง..พี่ทัศเลยชวนผญ.อีกคนไปแทน
แฟนแกมารู้ทีหลัง ..ตั้งแต่วันนั้นพี่ทัศกับแฟนก็ทะเลาะกัน
จนเลิกรากันไป...

พอเลิกกัน..แกก็มาคบกับผญ.คนนั้นที่พี่แกชวนไปงานเลี้ยงนั้นหล่ะ
แล้วด้วยฐานะทางครอบครัวของพี่ทัศ ...(เครือ หัสสะดิน  คุณก็รู้ใช่มั๊ย?ว่าของเค้าแรง)
พี่ทัศต้องแต่งงานกับ ผญ.คนนั้น
เวลาผ่านไปสักพัก แฟนเก่าของพี่ทัศก็แต่งงานกับผช.อีกคน..

ต่างฝ่ายต่างมีครอบครัว..ของตัวเอง
ไม่ได้ติดต่อกันหลายปี..
...แต่พอมารู้ข่าวอีกที
แฟนเก่าของพี่ทัศเสียไปแล้ว...เสียไปแบบไม่ทันได้ร่ำได้ลา
เพราะเค้าเป็นโรคร้าย ที่รักษาไม่หาย( จำไม่ได้ว่าโรคอะไร )
ในตอนนั้นประเทศไทย ยังไม่มีวิธีรักษา
และเค้าก็จากพี่ทัศไป

พี่ทัศบอกว่าแกเสียใจมาก กับทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ทุกอย่างที่เริ่มต้นโกรธ และเลิก จนกระทั่งจากกัน จากตาย...

พี่แกก็ทิ้งท้ายไว้ด้วยนะ .."แต่เรื่องมันก็ผ่านมา 20 กว่าปีแล้วล่ะ"
แล้วก็พูดติดตลกๆ ทำให้ผมขำ

อีกคนตาย แต่อีกคนยังใช้ชีวิตอยู่...
พี่ทัศกับผญ.อีกคนที่แต่งงานด้วย ...ถึงแม้จะแต่งงานกัน
แต่พี่แกกลับบอกผม อย่างเต็มปากว่า ไม่ได้รักผญ.คนนี้เลย
และด้วยความรับผิดชอบ  จึงต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปเรื่อยๆ
กระทั่งเธอคนนี้มาบอกว่า "ช่วยเซ็นใบหย่าให้ที ไม่งันจะมีผช.คนหนึ่งฆ่าตัวตาย"

แม่ของลูกคนที่ 3 ผมไม่ได้ถามถึง
...แต่วันก่อน ลูกสาวคนโต ของพี่ทัศ
ไปทานข้าวกับผมและพี่สาวของผม  พี่ทัศแกแสดงออกกับลูกแกดีนะ
ว่ารักลูก ทั้งลูบหัว ทั้งกอด
แหะๆ ไม่รู้สิ พ่อผมไม่เคยทำอย่างนี้  ผมอิจฉาเล็กๆละมั้ง
ส่วนลูกสาวคนกลาง เคยเจอพี่ทัศไปเที่ยวกับพี่สาวของผม
โกรธให้พี่ทัศยังไม่พูดกันเลย (ผมก็เข้าใจนะ ถ้าพ่อผมไปคบกับคนรุ่นกับผม  ผมคงทำใจลำบากเหมือนกัน)

ในความคิดก่อนหน้านี้ ผมนึกว่าผช.มีอายุ จะหัวงูเจ้าชู้ กะล่อน
แต่มาเจอพี่ทัศ ผมเปลี่ยนมุมมองใหม่หมด
ทั้งชีวิต ความรัก  ชีวิตอันยาวนานของพี่ทัศ สอนผมได้เกือบหมด

คนเราคงจะมีบ้างช่วงที่สนุกกับการคบหลายๆคน 
และกับคนที่เรารัก...บางครั้งอาจจะมีทิฐิ ทะเลาะกัน โกรธกัน
ด้วยคำว่า ทิฐิคำเดียว อาจจะทำให้เลิกกันได้
เรื่องที่แย่ที่สุดไม่ใช่ว่าเลิกกัน  แต่เป็น "เสียใจ"


ผมไม่กล้าถามพี่ทัศสักที..ผมคิดว่า ถ้าวันนั้นพี่ทัศไม่เลิกกับแฟน
ชีวิตพี่ทัศจะเป็นยังไงนะ จะมีความสุขกว่านี้มั๊ย?
ผมไม่กล้าคิด

เพราะคำว่าทิฐิ ก็ทำให้ผมเลิกกับแฟนเหมือนกัน
ทิฐิในวันนั้น  ทำให้ผมเสียใจจนวันนี้...
แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ผมกับแฟนเก่าก็ยังคุยกัน
แม้ไม่ด้วยโทรศัทพ์ แต่กับวอทแอป
เธอก็ยังบอกรักผมทุกวัน...และผมก็ยังรักเธออยู่
ไม่รู้เพราะอย่างนี้รึเปล่า ที่ทำให้ผมเสียใจอยู่
แต่ผมคิดว่ามันยังดีกว่า ...
เพื่อนพี่สาวผมอีกคน..แฟนแกเสีย ตอนที่ยังคบกันอยู่
แกให้นิยามและบอกความรู้สึกว่า
ถ้าเลิกกับแฟน ต่อให้เกลียดกันไป แต่มันยังได้พบได้เจอ ได้คุยและรับรู้อะไรๆเกี่ยวกับเค้าบ้าง
แต่กับคนที่ตายไปแล้ว ต่อให้เสียใจ ร้องไห้หา จะเป็นจะตายยังไง ก็เอาเค้ากลับมาไม่ได้...ไม่มีวันได้เจอกันอีก

....เหตุผลนึงละมั้ง ที่ผมยังไม่อยากหนีไปไหน
อย่างน้อยตอนที่เค้ายังอยู่  ผมก็ได้ทำเต็มที่แล้ว แม้จะตัดคำว่า "แฟน" ออกไป
แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

ทิฐิคำเดียว มันอาจจะทำให้คนสองคนเลิกกัน
แต่สุดท้ายก็ทำให้เลิกรักกันไม่ได้

ภาวนาให้คนที่หลงเข้ามา อ่าน
ไม่ต้องเม้นหรอก ขอแค่อ่านสักหน่อย
:]
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | `(จินนี่ชื่อของฉัน) | 12 เม.ย. 55 13:46 น.

ทำเต็มที่แล้ว แม้จะตัดคำว่า "แฟน" ออกไป

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | `[]3ffy?- | 12 เม.ย. 55 14:04 น.

ทำดีที่สึดแล้วหล่ะ !! สู้ต่อไป ชีวิตไม่ได้จบอยู่เพียงแค่นี้

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | เพียว | 12 เม.ย. 55 20:12 น.

ถ้าเลิกกับแฟน ต่อให้เกลียดกันไป
แต่มันยังได้พบได้เจอ ได้คุยและรับรู้อะไรๆเกี่ยวกับเค้าบ้าง
แต่กับคนที่ตายไปแล้ว ต่อให้เสียใจ ร้องไห้หา จะเป็นจะตายยังไง
ก็เอาเค้ากลับมาไม่ได้...ไม่มีวันได้เจอกันอีก

เศร้าเลยฮะ 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google