ลูกนอนกรน ลูกหายใจติดขัดขณะนอน แนะนำขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยและรักษานอนกรนในเด็กอย่างละเอียด
21 เม.ย. 64 15:05 น. /
ดู 1,013 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
แนะนำการตรวจวินิจฉัย และรักษาลูกนอนกรนเบื้องต้น
ลูกนอนกรน ลูกหายใจติดขัดขณะนอน แนะนำขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยและรักษานอนกรนในเด็กอย่างละเอียด
ลูกนอนกรน ลูกนอนหายใจติดขัด เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยเพราะ เป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เมื่อเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจขึ้น ทำให้มีอาการหลับๆตื่นๆตลอดทั้งคืน และส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย จิตใจ การเรียนรู้ รวมถึงพฤติกรรมด้วย ก่อนอธิบายถึงการวินิจฉัยและแก้นอนกรน ขอเท้าความถึงสาเหตุของอาการนอนกรนในเด็กก่อนค่ะ
สาเหตุที่ลูกนอนกรน และ ลูกหายใจติดขัด อาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น
1. ต่อมทอลซินหรือต่อมอะดีนอยด์โต:
ต่อมอะดีนอยด์คือ ต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่ง มีหน้าที่กำจัดเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย ตำแหน่งตั้งอยู่บริเวณหลังโพรงจมูก โดยส่วนมากพบว่า การที่ต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์โตมีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ เนื่องจากต่อมทอนซิลเป็นต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณภายในช่องคอ ซึ่งทำหน้าที่เช่นเดียวกับต่อมอะดีนอยด์ เมื่อต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์โตมากเกินไปจากการติดเชื้อ ก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจและเป็นที่มาของอาการนอนกรนในเด็ก นี่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการหายใจไม่สะดวกและอาการนอนกรนในเด็ก
2. โครงหน้าผิดปกติ:
ลักษณะใบหน้าของคนที่นอนกรนโดยส่วนมากคือบุคคลที่มีโครงหน้าสั้น โดยเฉพาะขากรรไกรล่าง ทำให้ลิ้นไปอุดกั้นทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นที่มาของอาการนอนกรนในเด็ก
3. โรคอ้วน:
จากการศึกษาพบว่า เด็กที่มีน้ำหนักเกินมีแนวโน้มที่จะเข้าข่ายเป็น "เด็กนอนกรน" มากกว่าเด็กที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ โรคอ้วนสามารถทำให้ทางเดินหายใจแคบลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับมากยิ่งขึ้น
4. โรคภูมิแพ้:
โรคภูมิแพ้อาจส่งผลให้ลูกนอนกรน เพราะเด็กรู้สึกระคายเคืองทั้งในจมูกและลำคอ ซึ่งอาจทำให้หายใจได้ยากขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเด็กนอนกรนหรือลูกหยุดหายใจขณะหลับ
ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัย และแก้นอนกรนในเด็ก
อาการนอนกรนในเด็กตั้งแต่วัยทารกจนถึงเด็กโตอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ดังนั้นจึงต้องมีการวินิจฉัยอาการและมีขั้นตอนการรักษาดังต่อไปนี้
1. ซักถามประวัติและอาการของเด็กเบื้องต้น
2. ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด ระบบหายใจ รวมถึงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งสามารถทำในโรงพยาบาลหรือที่บ้านตามความเหมาะสม ทั้งนี้ การตรวจการนอนหลับกับทาง Vital Sleep Clinic จะเป็นการตรวจที่บ้าน เพื่อได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด
3. หลังตรวจเสร็จ รอผลประมาณ 3-7 วัน ก็สามารถเข้ามาฟังผลตรวจที่คลินิก
4. ตรวจร่างกายเพิ่มเติมตั้งแต่บริเวณศีรษะ ใบหน้า หู คอ จมูก และช่องปาก การตรวจปอด และหัวใจ หรือระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้อาจต้องมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การ X-ray บริเวณศีรษะด้านข้างเพื่อดูความกว้างของทางเดินหายใจ
หลังทราบถึงความรุนแรงของอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับแล้ว แพทย์ก็จะเป็นคนแนะนำวิธีแก้นอนกรนที่เหมาะสำหรับน้องที่สุด ส่วนวิธีหลักๆ ที่แพทย์จะแนะนำสำหรับการรักษานอนกรน มีดังต่อไปนี้
การรักษาเด็กนอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance) เป็นวิธีที่แพทย์มักแนะนำให้กับคุณพ่อคุณแม่เพื่อแก้อาการลูกนอนกรนเพราะ มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก เหมาะสำหรับเด็กเล็กถึงเด็กโต และเมื่อถ้าเทียบกับผลลัพธ์แล้ว ถือว่าคุ้มค่ากับราคา
การรักษาเด็กนอนกรนด้วยการฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy) เป็นอีกวิธีที่แพทย์แนะนำเพราะ กระบวนการนี้ออกแบบมาเพื่อรักษาอาการนอนกรน นอนกัดฟัน สำหรับเด็กโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีการใส่อุปกรณ์ myobrace (มายโอเบลส) เสริมเพื่อการรักษาที่ได้ผลมากยิ่งขึ้น
การรักษาเด็กนอนกรนด้วยการผ่าตัด เป็นวิธีการรักษานอนกรนในเด็กที่ได้ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีเด็กที่มีอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ที่เกิดจากการที่ต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์โต
ปัญหาลูกนอนกรนและลูกหายใจติดขัดระหว่างนอนอันตรายกว่าที่คิด ส่งผลเสียต่อลูกน้อยของคุณในระยะยาวเช่น ความจำแย่ สมาธิสั้น เป็นต้น ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการของลูกน้อยและเข้าพบแพทย์เพื่อรีบทำการรักษาอาการลูกนอนหายใจติดขัด
Cr. https://www.vitalsleepclinic.com/children-snoring-treatment-2/
ลูกนอนกรน ลูกนอนหายใจติดขัด เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยเพราะ เป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เมื่อเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจขึ้น ทำให้มีอาการหลับๆตื่นๆตลอดทั้งคืน และส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย จิตใจ การเรียนรู้ รวมถึงพฤติกรรมด้วย ก่อนอธิบายถึงการวินิจฉัยและแก้นอนกรน ขอเท้าความถึงสาเหตุของอาการนอนกรนในเด็กก่อนค่ะ
สาเหตุที่ลูกนอนกรน และ ลูกหายใจติดขัด อาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น
1. ต่อมทอลซินหรือต่อมอะดีนอยด์โต:
ต่อมอะดีนอยด์คือ ต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่ง มีหน้าที่กำจัดเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย ตำแหน่งตั้งอยู่บริเวณหลังโพรงจมูก โดยส่วนมากพบว่า การที่ต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์โตมีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ เนื่องจากต่อมทอนซิลเป็นต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณภายในช่องคอ ซึ่งทำหน้าที่เช่นเดียวกับต่อมอะดีนอยด์ เมื่อต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์โตมากเกินไปจากการติดเชื้อ ก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจและเป็นที่มาของอาการนอนกรนในเด็ก นี่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการหายใจไม่สะดวกและอาการนอนกรนในเด็ก
2. โครงหน้าผิดปกติ:
ลักษณะใบหน้าของคนที่นอนกรนโดยส่วนมากคือบุคคลที่มีโครงหน้าสั้น โดยเฉพาะขากรรไกรล่าง ทำให้ลิ้นไปอุดกั้นทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นที่มาของอาการนอนกรนในเด็ก
3. โรคอ้วน:
จากการศึกษาพบว่า เด็กที่มีน้ำหนักเกินมีแนวโน้มที่จะเข้าข่ายเป็น "เด็กนอนกรน" มากกว่าเด็กที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ โรคอ้วนสามารถทำให้ทางเดินหายใจแคบลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะหลับมากยิ่งขึ้น
4. โรคภูมิแพ้:
โรคภูมิแพ้อาจส่งผลให้ลูกนอนกรน เพราะเด็กรู้สึกระคายเคืองทั้งในจมูกและลำคอ ซึ่งอาจทำให้หายใจได้ยากขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเด็กนอนกรนหรือลูกหยุดหายใจขณะหลับ
ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัย และแก้นอนกรนในเด็ก
อาการนอนกรนในเด็กตั้งแต่วัยทารกจนถึงเด็กโตอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ดังนั้นจึงต้องมีการวินิจฉัยอาการและมีขั้นตอนการรักษาดังต่อไปนี้
1. ซักถามประวัติและอาการของเด็กเบื้องต้น
2. ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด ระบบหายใจ รวมถึงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งสามารถทำในโรงพยาบาลหรือที่บ้านตามความเหมาะสม ทั้งนี้ การตรวจการนอนหลับกับทาง Vital Sleep Clinic จะเป็นการตรวจที่บ้าน เพื่อได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด
3. หลังตรวจเสร็จ รอผลประมาณ 3-7 วัน ก็สามารถเข้ามาฟังผลตรวจที่คลินิก
4. ตรวจร่างกายเพิ่มเติมตั้งแต่บริเวณศีรษะ ใบหน้า หู คอ จมูก และช่องปาก การตรวจปอด และหัวใจ หรือระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้อาจต้องมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การ X-ray บริเวณศีรษะด้านข้างเพื่อดูความกว้างของทางเดินหายใจ
หลังทราบถึงความรุนแรงของอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับแล้ว แพทย์ก็จะเป็นคนแนะนำวิธีแก้นอนกรนที่เหมาะสำหรับน้องที่สุด ส่วนวิธีหลักๆ ที่แพทย์จะแนะนำสำหรับการรักษานอนกรน มีดังต่อไปนี้
การรักษาเด็กนอนกรนด้วยเครื่องมือทันตกรรม (Oral Appliance) เป็นวิธีที่แพทย์มักแนะนำให้กับคุณพ่อคุณแม่เพื่อแก้อาการลูกนอนกรนเพราะ มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก เหมาะสำหรับเด็กเล็กถึงเด็กโต และเมื่อถ้าเทียบกับผลลัพธ์แล้ว ถือว่าคุ้มค่ากับราคา
การรักษาเด็กนอนกรนด้วยการฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้าและทางเดินหายใจ (Myofunctional Therapy) เป็นอีกวิธีที่แพทย์แนะนำเพราะ กระบวนการนี้ออกแบบมาเพื่อรักษาอาการนอนกรน นอนกัดฟัน สำหรับเด็กโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีการใส่อุปกรณ์ myobrace (มายโอเบลส) เสริมเพื่อการรักษาที่ได้ผลมากยิ่งขึ้น
การรักษาเด็กนอนกรนด้วยการผ่าตัด เป็นวิธีการรักษานอนกรนในเด็กที่ได้ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีเด็กที่มีอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ที่เกิดจากการที่ต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์โต
ปัญหาลูกนอนกรนและลูกหายใจติดขัดระหว่างนอนอันตรายกว่าที่คิด ส่งผลเสียต่อลูกน้อยของคุณในระยะยาวเช่น ความจำแย่ สมาธิสั้น เป็นต้น ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการของลูกน้อยและเข้าพบแพทย์เพื่อรีบทำการรักษาอาการลูกนอนหายใจติดขัด
Cr. https://www.vitalsleepclinic.com/children-snoring-treatment-2/
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
มุมสมาชิก กระทู้ล่าสุดโดย AlyssAlyssa
- เสริมจมูกคืออะไร เสริมแบบ Open และ Close ต่างกันแบบไหน (สุขภาพและความงาม)
- กรามใหญ่ หน้าบาน หน้าเหลี่ยม ทำยังไงให้หน้าเรียวถาวร (สุขภาพและความงาม)
- จัดฟันครั้งแรกกี่บาท ต้องเตรียมตัวอย่างไร? (สุขภาพและความงาม)
- เช็คด่วน! ลักษณะ "หน้าผาก" โหง่วเฮ้งดี มีชัย เงินพุ่ง งานปัง!! (สุขภาพและความงาม)
- แชร์ 6 ขั้นตอนในการเริ่มการจัด Virtual Event 2021 (เทคโนโลยี)
- นอนกรนเสี่ยงมะเร็ง จริงหรือ!!? (สุขภาพและความงาม)
- กระทู้โดย AlyssAlyssa ทั้งหมด
แสดงกระทู้ล่าสุดโดยเปิด มุมสมาชิก และเลือกแสดงกระทู้ที่ตั้ง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google