1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

เอวัง ตีแผ่ความศรัทธา จากหัวใจอันบริสุทธิ์ 2 ดวง

เอวัง ตีแผ่ความศรัทธา จากหัวใจอันบริสุทธิ์ 2 ดวง

"เอวัง" (So Be It) ภาพยนตร์สารคดีเรื่องเยี่ยมโดย ทรู ออริจินัล พิคเจอร์ส ร่วมด้วย ซองซาวด์ โปรดักชั่น ผลงานการกำกับของ "คงเดช จาตุรันต์รัศมี" เจ้าของรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีสุพรรณหงส์ จากเรื่อง "ตั้งวง" ถือเป็นการกำกับภาพยนตร์สารคดีครั้งแรกของผู้กำกับมือรางวัลคนนี้ ซึ่งได้คว้าตัว "สามเณรวิลเลี่ยม" หรือ "วิลเลี่ยม - สรวิชญ์ วิลเลี่ยม คอดุลโล" จากโครงการ "สามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 2" เด็กชายลูกครึ่งไทยอเมริกันที่มีความสนใจ และเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ร่วมด้วย "บัณฑิต เล่าเจริญสุข" เด็กชายอีกคนหนึ่ง ที่มีความใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนาด้วยความจำเป็น ถือเป็น 2 แง่มุมจากชีวิตเล็กๆ ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

เมื่อวันพุธที่ 29 ตุลาคม 2557 ผู้กำกับ คงเดช รวมถึง วิลเลี่ยมและ "บอย - อรรถพล ณ บางช้าง" รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายรายการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ได้มาร่วมพูดคุยกันในงานเปิดตัวภาพยนตร์ เอวัง ที่จัดขึ้น ณ โรงภาพยนตร์ เฮ้าส์ อาร์ซีเอ โดย บอย กล่าวถึง โครงการสามเณรปลูกปัญญาธรรมว่า "ตอนแรกเราก็มองว่าการทำรายการเรียลลิตีโชว์ที่เอาเด็กมาอยู่ในวัดเป็นเวลา 1 เดือนเนี่ย มันเป็นเรื่องแปลกใช่ไหมครับ แต่ทีนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือว่าคนที่เขาติดตามดูเรา เขาก็ดูน้องๆ น้องวิลเลี่ยมอย่างนี้ เขาจะอยู่ได้ไหมในระยะเวลา 1 เดือน ทีนี้พอเรามานึกถึงในความเป็นจริง ก็คือว่าการทำรายการลักษณะแบบนี้มันมีที่เดียวในโลกเลยนะ มันจะไม่มีที่อื่นเลย ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจสำหรับเรา แล้วก็มีคนที่ติดตามดูเยอะแยะ มันเป็นเรื่องคัลเจอร์ของเราด้วยนะ วัฒนธรรมของเรา"

ต่อมา บอย จึงเกิดความคิดที่จะสร้างให้เป็นภาพยนตร์สารคดี "ก็เลยมาเจอคุณคงเดชครับ ก็คุยกันว่าจริงๆ คัลเจอร์แบบนี้ ถ้าเราทำออกมาเป็นภาพยนตร์สารคดีที่ดีๆ มันก็สามารถจะเผยแพร่ความเป็นพระพุทธศาสนา แล้วก็มีสิ่งต่างๆ ซึ่งมันมีแง่คิดต่างๆ ที่น่าสนใจนะครับ ก็เลยไปปรึกษากัน ทีนี้ก็ปล่อยเรื่องให้คุณคงเดชไปดูว่าการทำเรียลลิตีโชว์ปี 1 ปี 2 มันเป็นยังไง ปรากฏว่ามันก็ออกมาเป็นเรื่องของ เอวัง นะครับ" ด้านผู้กำกับ คงเดช เผยถึงแรงบันดาลใจของภาพยนตร์ว่า "พอได้โจทย์เกี่ยวกับสามเณร เราก็ไปนั่งดู แล้วก็พบน้องวิลเลี่ยมเนี่ยแหละ เหมือนกับการเจอน้องวิลเลี่ยมปุ๊บกลายเป็นอินสไปร์ในการทำโปรเจกต์นี้ เพราะว่าในปีนั้นน้องวิลเลี่ยมอายุน้อยสุด แล้วว่าน้องวิลเลี่ยมเป็นฝรั่ง จะบวชทำไม วัยอย่างน้องวิลเลี่ยมทำไมไม่ดูการ์ตูนอยู่บ้าน หรือว่าไม่เล่นเกมอยู่ที่บ้าน"

คงเดช พูดถึง วิลเลี่ยม เพิ่มเติมว่า "คือเรารู้มาด้วยว่าเขาขอพ่อแม่มาบวชเอง เป็นคนขอพ่อแม่มาบวชเอง แล้วก็เลยเหมือนมีคำถามว่า เอ๊ะ วิลเลี่ยมทำไมถึงอยากมาบวช วิลเลี่ยมต้องการอะไรจากการบวชครั้งนี้ ใช่ไหมฮะ เด็กๆ เวลาอยากจะไปทำอะไรเขาก็คงจะมีโจทย์อยู่ในใจ แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นคือตอนที่เราดู ก็คือว่ารายการจบซีซันไปแล้วนะ เราก็เลยรู้สึกสนใจในตัววิลเลี่ยม แล้วเราก็คิดว่าถ้าติดตามชีวิตหลังจากนั้นของวิลเลี่ยมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วก็เลยเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้" จากนั้นก็ตามหาตัวตนของเด็กที่น่าสนใจอีกคนหนึ่ง เพื่อมาสร้างเป็นเรื่องราว และก็ได้มาซึ่ง บัณฑิต "คืออย่างที่บอกครับพอเราได้วิลเลี่ยมปุ๊บเนี่ยนะฮะ วิลเลี่ยมคือคนที่วิ่งเข้ามาหาพุทธศาสนาเอง เราก็เลยเหมือนมองเล็งอีกด้านหนึ่ง พยายามมองหาอีกซับเจกต์หนึ่ง ก็คือคนที่ต้องอยู่ใกล้ศาสนา แต่ว่าอยู่เพราะความจำเป็นบางอย่าง"

ผู้กำกับมือรางวัลบอกเหตุผลที่เลือก บัณฑิต ว่า "พอเราได้ดูคลิปของน้องบัณฑิตเราก็ลืมไม่ลงเลย เพราะว่าเขาตาแข็งมาก แล้วเขาก็ไม่พูดเลยนะฮะ เราก็รู้สึกคนๆ นี้ต้องน่าสนใจแน่ๆ แล้วพอมารู้ว่าเขาตั้งแต่มาเรียนที่วัดสระแก้ว เขายังไม่ได้กลับบ้านเลยตั้ง 5 ปีแล้ว เราก็รู้สึกว่าคนนี้แหละๆ ไม่ได้กลับบ้าน จริงๆ แล้วเขาเป็นม้งไงฮะ แล้วเขาอยู่จังหวัดตาก อยู่ไกลมาก อยู่บนภูเขาเลย แต่ว่าการเดินทางมา พอมาที่นี่ปุ๊บจะกลับไปอีกครั้งมันไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ดังนั้นเราก็เลยเหมือนแบบเอาล่ะ เรารู้ล่ะเราจะได้เหรียญ 2 ด้าน ตอนที่เลือกบัณฑิต ก็มีคนเตือนอยู่ว่าเด็กคนนี้ไม่พูดเลยนะ เราอาจจะถ่ายเขายากนะ แต่เราก็หน้ามืดเลือกไป แต่ว่ากลายเป็นว่าดีไปอีกอย่างหนึ่ง เพราะว่าบัณฑิตเขาถ่ายทอดด้วยสายตา ด้วยท่าทางได้เอง"

ส่วนความยากของการถ่ายทำ คงเดช เล่าว่า "เราค้นพบว่าเราเล่นของยากซะแล้ว ไม่เคยทำสารคดีแต่ว่าพอทำเรื่องแรกแล้วเป็นเรื่องของเด็ก เป็นเด็กทั้งคู่ คอนโทรลไม่ได้เลย บางวันถ่ายไปก็ไม่ได้ แบบเอามาใช้อะไรไม่ได้เลยก็มีเหมือนกันฮะ บางทีคุยกันว่า เอ๊ะ วันนี้จะไปอย่างนี้ รู้แล้วเดี๋ยววันนี้จะไปอย่างนี้ ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นไม่ได้ไป มันคอนโทรลไม่ได้ หรือแม้กระทั่งว่าเราอยากจะได้เฟรมสวยๆ หน่อยอย่างนี้ฮะ เห็นสารคดีสมัยนี้เขาสวยๆ กัน แต่ปรากฏว่าพอเป็นเด็กปุ๊บเราก็คอนโทรลไม่ได้ เราจะเตรียมไม่ได้ว่าเดี๋ยวค่อยๆ เดินมานะ เดี๋ยวจะตั้งกล้องตรงนี้ไว้สวยๆ แล้วให้เขาเดินเข้ามา ไม่ได้"

ผู้กำกับพูดถึงเส้นทางของรายการสารคดีสู่ภาพยนตร์สารคดีว่า "คือตอนที่หนังยังไม่เสร็จเท่าไรนะครับ ก็ปรากฏว่าโปรเจกต์นี้มันไปเข้าเซกชันฮาฟที่เทศกาลหนังฮ่องกง ซึ่งเป็นการพบปะคุยกับดิสทริบิวเตอร์โน่นนี่นั่นนะฮะ ดังนั้นพอหนังเรื่องนี้เสร็จแล้วเราจะต้องไปฉายที่ฮ่องกงแบบอัตโนมัติที่เทศกาลหนังฮ่องกงนะครับ แล้วก็พอผ่านมาอีกสักหลายเดือน ตัวหนังมันเสร็จแล้วตัดต่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวหนังก็ได้ทุนเอซีเอฟ ที่เทศกาลหนังปูซาน คือเป็นทุนการทำโพสต์โปรดักชัน เป็นพวกแก้สี ไฟนอลเสียงทั้งหลาย มิกซ์เสียงทั้งหลาย แล้วก็สำเร็จกระบวนการไฟล์ดีซีพีสำหรับฉายโรงภาพยนตร์ได้ ดังนั้นจากที่ตอนแรกว่าจะทำแค่ป้อนทางทรูฯ เฉยๆ เราก็เลยคิดว่าจะทำเรื่องนี้เอาเข้าโรงภาพยนตร์ไปด้วย"

และกระแสตอบรับที่ได้จากผู้ชมชาวเกาหลี ผู้กำกับบอกว่า "ดีกว่าที่คิด มีพระมาดูทุกรอบ (หัวเราะ) ใช่ฮะ เป็นพระแต่ว่าเป็นนิกายของเกาหลีนะฮะ เขาเรียกมหายานใช่ไหมฮะ นั่นแหละฮะก็มาดูทุกรอบ แต่คือคงไม่ผิดกฏอะไรของนิกายเขานะครับ" ซึ่งเชื่อว่าภาษาของภาพยนตร์จะทำให้ผู้ชมเข้าใจตรงกันได้ แม้จะมีวัฒนธรรมที่ต่างกัน "เข้าใจนะฮะ เพราะในที่สุดแล้วสิ่งที่เราถ่ายทอดมันเป็นเรื่องของชีวิต แล้วก็เรื่องของการตามหาความสุข เรื่องของการมีชีวิตกับพระพุทธศาสนา ซึ่งแต่ละคนมีเงื่อนไขชีวิตไม่เหมือนกัน แล้วก็มันก็เป็นเรื่องที่สากลอยู่เหมือนกัน แล้วปรากฏว่าเอาจริงๆ เนี่ยถูกใจป้าๆ มาก พวกป้าๆ ที่เกาหลีชอบมาก"

หนุ่มน้อย วิลเลี่ยม เอ่ยความรู้สึกที่ได้แสดงภาพยนตร์แบบสั้นๆ ว่า "ตื่นเต้นครับ" และกล่าวอย่างใสซื่อถึงเหตุผลที่อยากบวช ว่า "สบาย ไม่ค่อยได้ทำอะไร" สักพักคงคิดได้ว่าเหตุผลนี้ไม่น่าใช่ จึงบอกว่า "ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แค่อยากสบาย แต่อยากอยู่แบบคนธรรมดา" ทำให้ผู้คนภายในงานพากันขำไปกับความน่ารักน่าเอ็นดูของหนุ่มน้อยคนนี้ ส่วนผู้กำกับ คงเดช ก็ได้ฝากให้ชาวไทยได้มาชมภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้อีกด้วย "สารคดีก็จริงนะฮะ แต่ว่าเราเชื่อว่าคนดูจะรู้สึกไปกับมันไม่แพ้หนังฟิกชัน แล้วก็น่าจะมีคำถามหรือข้อคิดหรือสร้างอารมณ์และความรู้สึกใดๆ ก็ตามออกมาจากโรงฯ แล้วก็น่าจะรู้สึกดีมากๆ อยากให้ไปดูกันเยอะๆ ฉายโรงเดียว แต่ก็อยากให้ไปดูกันเยอะๆ"

สามารถติดตามเรื่องราวที่จะถ่ายทอดมุมมอง 2 ด้านของการดำเนินชีวิตกับพระพุทธศาสนาจากเด็กน้อย 2 คน ในภาพยนตร์เรื่อง เอวัง ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2557 ณ โรงภาพยนตร์ เฮ้าส์ อาร์ซีเอ ที่เดียวเท่านั้น

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35

ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • Steve Jobs - เดิมที เดวิด ฟินเชอร์ รับหน้าที่กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ถูกถอดออกเพราะ เดวิด ต้องการค่าจ้าง 10,000,000 เหรียญสหรัฐ และต้องการมีอำนาจควบคุมกระบวนการสร้างสรรค์ภาพยนตร์อย่างเต็มรูปแบบ ขณะนั้น เดวิด อยากให้ คริสเตียน เบล เข้ามารับบท สตีฟ จ็อบส์ แต่หลังจาก แดนนี บอยล์ เข้ามารับหน้าที่กำกับแทน ได้ทาบทาม ลีโอนาร์โด ดิคาพริโอ มารับบทนำ แต่ ลีโอนาร์โด ปฏิเสธไป หลังจากนั้น คริสเตียน ก็ได้รับข้อเสนอให้แสดงบทนี้อีกครั้ง ซึ่งเขาก็ปฏิเสธเช่นกัน ในที่สุดจึงได้ตัว ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ เข้ามารับบท สตีฟ จ็อบส์ อ่านต่อ»
  • 45 Years - ชาร์ลอตต์ แรมพลิง นักแสดงบท เคต และ ทอม คอร์ตเทเนย์ ผู้รับบท จีออฟ เคยปรากฎตัวร่วมกันใน Night Train to Lisbon (2013) มาก่อน อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวของ โจเซ (ฮันจีมิน) หญิงสาวผู้พิการทางร่างกายที่ชอบอ่านหนังสือและใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งจินตนาการของเธอ จนกระทั่...อ่านต่อ»