1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

ศึกษาพระพุทธศาสนาในมุมมองสนุกไปกับ นมัสเตอินเดียฯ

ศึกษาพระพุทธศาสนาในมุมมองสนุกไปกับ นมัสเตอินเดียฯ

"นมัสเตอินเดีย ส่งเกรียนไปเรียนพุทธ" ภาพยนตร์จากความตั้งใจของผู้กำกับหน้าใหม่ "โน้ต - กัณฑ์ปวิตร ภูวดลวิศิษฏ์" ที่อยากจะนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาด้วยความสนุกสนาน เพื่อที่จะสื่อสารและสามารถเข้าถึงวัยรุ่นได้ง่าย ซึ่งเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2555 ได้มีการจัดงานเปิดตัวภาพยนตร์ บริเวณชั้น 6 ของโรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน โดยมีผู้กำกับและ 2 นักแสดงนำ "เอ็ม - ยศวัศ สิทธิวงศ์" กับ "วันชัย ธนะวังน้อย" มาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวในภาพยนตร์

โน้ต เผยถึงจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "จุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมได้ไปแสวงบุญด้วยตนเองที่ประเทศอินเดีย ซื้อแพ็กเกจทัวร์ไปตามรอยสังเวชนียสถาน 4 ตำบล พอไปเสร็จปุ๊บเราก็ไปประกอบพิธีกรรมจุดธูปจุดเทียนสวดมนต์ไหว้พระตามสถานที่สำคัญ กลับมาที่ประเทศไทยก็รู้สึกว่าอิ่มบุญดี แต่มันก็เกิดคำถามขึ้นมาว่าบางทีแล้วการไปแสวงบุญน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น น่าจะมีสิ่งที่เราควรจะได้รับกลับมาจากการไปแสวงบุญ ก็เลยมาศึกษาหนังสือของท่านพุทธทาสเพิ่มเติม รู้สึกว่าพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องไกลตัว เลยอยากจะสร้างหนังที่สื่อสารกับคนรุ่นใหม่ เพื่อทำให้เขาเข้าถึงพุทธศาสนา อยากจะให้เขารู้สึกว่าพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อครับ"

ส่วนในเรื่องของบทภาพยนตร์ก็ได้ "พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล" เป็นที่ปรึกษา ซึ่งผู้กำกับกล่าวว่า "เริ่มต้นเราก็ศึกษาจากหนังสือท่านพุทธทาส หลังจากนั้นเราก็ตั้งโจทย์ขึ้นมาว่าการไปแสวงบุญควรจะได้อะไร ควรจะได้แก่นของพระพุทธศาสนา เราก็ศึกษางานของท่านพุทธทาสจนคิดว่าน่าจะพอเข้าใจในประมาณนึง แล้วก็พัฒนาเป็นบทภาพยนตร์แล้วก็ไปขอให้พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ท่านมาเป็นที่ปรึกษาบทภาพยนตร์ เราก็ส่งบทให้ท่านช่วยดูช่วยคอมเมนต์ ถ่ายเสร็จแล้วก็เอาไปให้ท่านดูอีกรอบนึง ให้ท่านสกรีนดูว่าสิ่งที่เราเข้าใจแล้วต้องการนำเสนอถูกต้องหรือเปล่า ก็คือพยายามทำให้ถูกต้องที่สุด คือหนังเรื่องนี้เป็นหนังวัยรุ่นก็จะมีอารมณ์กวนๆ ฮาๆ บ้าง บางทีท่านก็บอกมันจะฮาไปไหม แต่พระอาจารย์ไพศาลท่านก็เข้าใจว่าเป็นหนังวัยรุ่น ทำให้วัยรุ่นดูก็ต้องมีอะไรอย่างนี้บ้าง"

เอ็ม พูดถึงเหตุผลที่ตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ว่า "ตอนแรกพี่โน้ตถามว่าอยากไปอินเดียหรือเปล่า ผมก็บอกว่าไปอยากไป สุดท้ายมารู้ว่าเขาชวนผมมาแสดงหนังแล้วก็เอาบทมาให้ผมอ่าน รู้สึกว่าบทสนุกดี ก็ลองคุยกับพี่โน้ตถึงได้มาเล่น ผมอ่านบทแล้วผมก็รู้สึกว่าชอบ ก่อนหน้านั้นมีตัวละครตัวนึงตัวนางเอก พอได้เวิร์กชอปกับเขาเรื่อยๆ เริ่มรู้สึกว่าเป็นรูปเป็นร่าง คือตอนนั้นที่พี่โน้ตชวนมาทำ เขาไม่ได้บอกว่าหนังจะลงโรงภาพยนตร์นะ แต่เขาแค่อยากทำตามความต้องการของเขา เขาต้องการทำในเชิงวัยรุ่นดูง่าย อยากให้หนังพระพุทธศาสนาคนดูดูแล้วเข้าใจง่ายครับ ผมก็เลยรู้สึกเจ๋งดีก็เลยลองดู ส่วนตัวผมก็ไม่ได้เป็นคนเกรียนอะไรแบบนั้น คือในเรื่องจะค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่ตัวจริงก็ไม่ได้ขนาดนั้น"

ด้าน วันชัย บอกว่าบทบาทที่ได้รับค่อนข้างจะขัดกับตัวจริงของตัวเอง "อ่านบททีแรกก็สะดุ้งเหมือนกัน มันฝืนๆ ความรู้สึกเราในแง่ที่เรานับถือพระค่อนข้างจะตรงไปตรงมา เราเชื่อในเหตุและผล แต่ในเรื่องรู้สึกว่าลุงกมลนี่เป็นเรื่องพวกพุทธอภินิหาร เวลานั่งสมาธิปกติคือใจเราสงบ ใจเราเป็นสุขก็พอแล้ว แต่ว่านั่งแล้วจะเห็นนู่นเห็นนี่ในเรื่องนี่เห็นเยอะเลยเดี๋ยวไปดูเอา ผมไม่เคยเห็นขนาดนั้น ผู้กำกับเขียนบอกว่าเห็นเยอะแยะเลย มีเหตุผลอยู่ต้องติดตามดูแล้วคิดตามไปได้เลยนะครับ"

นอกจากจะถ่ายทำกันที่เมืองไทยแล้ว ยังยกกองไปถ่ายทำที่เวียดนาม เนปาล และอินเดีย ด้วยทีมงานกลุ่มเล็กๆ รวมนักแสดงแล้ว 10 ชีวิต ต่างคนต่างก็ต้องช่วยเหลือกัน โดยผู้กำกับเล่าว่า "บางคนต้องไปยกไมค์บูม แบกขาตั้งกล้อง คือจริงๆ แล้ว 10 คนนี้มาทำด้วยใจ ไม่ได้เกี่ยงว่าฉันเป็นดารา ก็ช่วยกันเท่าที่ช่วยได้ เพราะทุกๆ คนก็อยากให้หนังเรื่องนี้เสร็จออกมา การไปถ่ายทำที่อินเดียก็จะค่อนข้างสะบักสะบอม"

เอ็ม ช่วยเสริมว่า "ทุลักทุเลนิดนึง เพราะไปถ่ายกันแบบกองโจร กล้องนี่ไม่ได้ใหญ่เหมือนกล้องสื่อมวลชน เป็นกล้องเล็กแบบกล้องถ่ายรูปแต่กล้องจะมีความละเอียดสูง ส่วนเวลาการถ่ายทำบางซีนต้องเล่นเทกเดียวจริงๆ แล้วบางซีนก็พยายามต้องถ่วงความสนใจ คือจะมีที่นึงที่ผมไปถ่ายก็คือที่เนปาล เป็นที่ประสูติของพระพุทธเจ้า วันนั้นมีรัฐมนตรีอะไรสักอย่างไปเยี่ยมชม แล้วที่นี้การ์ดก็เยอะทหารถือปืนอาก้าเต็มไปหมด ก็เลยต้องแอบถ่ายแบบทุลักทุเล" โน้ต เสริมว่า "เขาจะคุมอยู่แถวๆ ที่เราจะถ่าย เราก็เลยต้องคิดหาวิธีว่าจะถ่ายยังไง เราก็เลยให้ทีมงานที่ว่างๆ ไปดึงความสนใจทำฟอร์มว่าเป็นนักท่องเที่ยว จะไปห้องน้ำไปทางไหน"

พระเอกของเรื่องพูดถึงอีกสถานที่ที่ไปถ่ายทำว่า "มีอีกที่ที่ผมชอบมากเลย แม่น้ำคงคาแต่วันที่เราจะไปถ่ายได้ทราบข่าวมาว่า แม่น้ำคงคาได้ถูกผู้ก่อการร้ายระเบิดแล้วก็มีข่าวบอกว่ามีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต คือพี่โน้ตแล้วก็ทีมงานทุกคนก็ตัดสินใจว่ายังไงมาที่นี่แล้วต้องถ่าย ก็ตื่นเต้นดีครับ" เอ็ม เผยถึงสิ่งที่ได้รับจากการทำงานว่า "เวลาเดินทางไปที่ใหม่ๆ ตัวผมก็จะรู้สึกว่าตื่นเต้นตลอดเวลา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นประสบการณ์แรกที่ผมได้เดินทางไปอินเดียด้วย แล้วก็การเดินทางออกต่างประเทศครั้งแรกด้วย ประสบการณ์ที่ได้ในส่วนของธรรมะ ผมรู้สึกว่าผมชอบประโยคของท่านพุทธทาสที่บอกว่า ตัวกูของกู ซึ่งได้มาจากเรื่องนี้แล้วสามารถทำให้เรารู้สึกว่าจริงๆ ไม่ว่าเราจะทุกข์จะสุข มันเป็นแค่คำๆ นึงที่เราจะจับมาคิด พอไปอินเดียจำไม่ได้ว่าเป็นวัดอะไร ได้คุยกับเจ้าอาวาสเขาบอกว่าที่เรามาอินเดียกันเนี่ยมาพบกับความทุกข์ พอกลับไปที่บ้านเราก็จะพบกับความสุข"

วันชัย บอกถึงสิ่งที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อว่า "เด็กวัยรุ่นแสวงหาบางสิ่งบางอย่างให้กับชีวิต เขาอุตสาห์ไปถึงอินเดียก็ยังไม่เจออะไรชัดเจนก็กลับมาเกรียนเหมือนเดิมอีก แต่ว่าสิ่งที่สะท้อนก็คือคนดูจะได้อะไรกลับจากการเดินทางของเอ็มในเรื่องนี้ นมัสเตก็คือการไปทักทายอินเดีย แต่สิ่งที่จะได้เห็นว่าผู้กำกับคนนี้ ค่อนข้างจะเล่าเป็นภาษาหนังได้อย่างผมถือว่ามีอารมณ์ขันอยู่ในหนังอยู่ในบท มีอารมณ์ขันแทรกอยู่ตลอดเวลา เล่าอย่างเพลิดเพลิน เป็นหนังศาสนาถือว่าเขาเล่าได้ดี สนุกสนาน ดูตั้งแต่ต้นจนจบรู้สึกดี ใช้ได้ นี่มองในฐานะคนที่สอนแล้วก็สนใจทางด้านนี้ด้วยนะครับ เขาเล่าเรื่องได้ดี"

โน้ต กล่าวฝากภาพยนตร์ว่า "ยังไงก็ขอฝากหนังเล็กๆ เรื่องนี้นะครับ เป็นหนังอมยิ้มดูสนุกๆ คิดว่าเราคงไม่มีหนังที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ซึ่งจะดูวัยรุ่นขนาดนี้ออกมาให้ดูสักเท่าไร ปีนี้เป็นปีมหามงคลพุทธชยันตีครบรอบ 2,600 ปีการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ถ้าหากดูหนังแล้วชอบใจสนุกสนาน ก็อยากให้บอกต่อแล้วก็เชิญชวนคนอื่นให้ร่วมเดินทางไปกับหนังเรื่องนี้ เพื่อไปสู่จุดกำเนิดของพระพุทธศาสนา มาทำความรู้จักกับพระพุทธศาสนาดูจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องยากเลย"

และทิ้งท้ายที่ เอ็ม พูดว่า "วันที่ 13 ธันวาคม นี้นะครับ ในโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ฯ นะครับ หนังของเราเป็นหนังกะทัดรัด อย่าเพิ่งตัดสินว่าเป็นหนังที่ถ้าเราพูดถึงพระพุทธศาสนา รู้สึกว่าต้องง่วง อยากให้เราเปิดใจมาชมดูก่อน เป็นทางเลือกใหม่ในช่วงที่มีป้ายโฆษณาเต็มไปหมด แล้วก็มีความหลากหลายในสังคมไทย เราก็อยากนำเสนอสิ่งที่เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวแล้วทำให้คนเราตระหนักคิดถึงตัวเราเองมากขึ้น ก็คือศาสนาพุทธแต่ในมุมมองที่สนุก ฝากด้วยแล้วกันนะครับ วันที่ 13 ธันวาคม นี้นะครับ"

เรียนรู้พระพุทธศาสนาในมุมมองที่ไม่น่าเบื่อไปพร้อมกับ นมัสเตอินเดีย ส่งเกรียนไปเรียนพุทธ เข้าฉายตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2555 เฉพาะโรงภาพยนตร์ในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27

ความคิดเห็น

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • Maleficent - แองเจลินา โจลี ผู้รับบท มาเลฟิเซนท์ เป็นคนเลือก ลานา เดล เรย์ ให้ร้องเพลง Once Upon a Dream จาก Sleeping Beauty (1959) เพื่อเป็นเพลงประกอบหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง อ่านต่อ»
  • มันเปลี่ยวมาก - เดิมทีตัวจ่าเฉยจะออกแบบมาจาก เคน - ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ หรือ ติ๊ก - เจษฎาภรณ์ ผลดี แต่ภายหลังเอาหน้าจ่าเฉยจริงๆ มาปรับใหม่แทน ตัวจ่าเฉยจะพูดไม่ขยับปาก เพราะหากขยับปากพูดแล้วจะเหมือนหุ่นกระบอกมากกว่า อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

สานต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยเหตุที่ตัวตลกเพนนีไวส์ (บิลล์ สการ์สการ์ด) จะกลับมาเยือนเมืองเดอร์รี รัฐเมน ในทุกๆ 27 ปี ...อ่านต่อ»