1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

ทนงศักดิ์ เห็นค่าสุขภาพดี พาเจ้าสาววิ่งฉลองสมรส

ทนงศักดิ์ เห็นค่าสุขภาพดี พาเจ้าสาววิ่งฉลองสมรส

หลังจากคบหากันมากว่า 4 ปี นักแสดงรุ่นใหญ่วัย 55 ปี "ทนงศักดิ์ ศุภการ" หรือ "นง - ทนงศักดิ์ ศุภทรัพย์" ก็ตัดสินใจลั่นระฆังวิวาห์เป็นครั้งที่ 2 กับสาวนอกวงการที่อายุห่างกัน 20 ปี "ติ๊ก - ชลธิชา ล้ำเลิศยุทธศิลป์" ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2559 โดยพิธีการช่วงเช้าทั้งการแห่ขันหมาก รับมอบสินสอดทองหมั้น พิธีสงฆ์ และพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ตามประเพณีไทย จัดขึ้น ณ สวนหลวง ร.9 ในรูปแบบของงานวิ่ง ตามความชอบของบ่าวสาวที่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเป็นหลัก พร้อมทั้งยังมีการมอบเหรียญที่ระลึกให้แก่ผู้ที่มาร่วมวิ่งเฉลิมฉลองความรักของทั้งคู่อีกด้วย โดย นง ควงคู่เจ้าสาวมาเปิดใจถึงเรื่องราวความรักอันหอมหวานก่อนที่จะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองตอนเย็น ณ โรงแรมเอส 31 ต่อไป

สาเหตุที่ตัดสินใจจัดงานวิวาห์ในรูปแบบงานวิ่ง

นง "ก็จริงๆ เราออกกำลังกาย แล้วทุกเช้าวันเสาร์หรือวันอาทิตย์เนี่ย เราก็จะไปงานวิ่ง ไปร่วมงานวิ่งบ้าง ไปออกบูท รับสมัครสมาชิกของวารสารบ้าง แล้วก็ไปเป็นพิธีกรงานวิ่งบ้าง มันก็คลุกคลีกับนักวิ่ง แล้วก็รู้สึกว่าอีกอย่างเราก็อยากจะให้คนได้เห็นว่าในสนามวิ่ง มันมีความสนุกสนาน มันมีมิตรภาพ มันมีความเอื้ออาทร และที่สำคัญมันทำให้เราผ่อนคลาย แล้วสร้างสุขภาพที่แข็งแรงด้วย"

ตั้งใจจะจัดเป็นงานวิ่งเต็มรูปแบบเลยใช่ไหม

นง "ตั้งใจเลย ตั้งใจอยากจะจัดงานวิ่งขึ้นมา แล้วก็ผสมผสานวัฒนธรรมไทย แล้วก็พอดีเราคิดว่าเราอยากจะมีงานมงคลกับเขาด้วย เพราะคบหาดูใจกันมาตั้งนานแล้ว ก็เลยคิดว่ามาผสมผสานกัน ก็ค่อยๆ คิดนะ ค่อยๆ คิด เริ่มตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วก็ไปขอแต่งงานบนเวทีงานวิ่ง Thai Health Day 10K Run ซึ่งตรงนั้นเราใช้คำว่าวิ่งเปลี่ยนชีวิต มันก็เปลี่ยนชีวิตไง แล้วเราก็ขอเขาแต่งงาน แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้คิดว่าจะจัดงานรูปแบบไหน แต่เคยบอกเขาว่าจะจัดงานวิ่งนะ จัดงานวิ่งสัก 5 กิโลฯ 10 กิโลฯ มาวิ่งด้วยกัน แต่พอมันตกตะกอนไปเรื่อยๆ ปกติวัฒนธรรมไทยมันก็มีการเคลื่อนขบวนจากบ้านเจ้าบ่าวไปรับเจ้าสาว หรือแบบว่าเราเคลื่อนขบวนจากบ้านเจ้าภาพไปบวชลูกชายที่วัด มันก็จะมีแห่ แล้วก็นึกไปถึงแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ เคยเล่น เพลงรักเพลงลำ แล้วก็เห็นความสามารถของท่านว่าท่านเป็นศิลปินแห่งชาติด้วย แล้วก็เป็นวัฒนธรรมไทยที่เราอยากจะสื่อสารให้กับคนรุ่นใหม่ได้เห็นด้วย มันก็เลยค่อยๆ ตกตะกอนไปเรื่อยๆ"

เตรียมงานนานไหม

นง "ไม่นานเนอะ"

ติ๊ก "จริงๆ เหมือนมันแพลนมาสักพักแหละ แต่ว่าทำจริงๆ น่าจะประมาณช่วงเดือนสุดท้าย"

นง "คือเราโชคดี คือพี่โชคดีตรงที่ว่ามีเพื่อน มีกัลยาณมิตร แล้วมีผู้ใหญ่หลายคนที่เมตตา พอเราเอ่ยปากอยากจะทำอะไร ทุกคนก็ยินดีที่จะมาให้ความร่วมมือ ให้การสนับสนุน ขาดอะไรปุ๊บ บอกปุ๊บก็จะได้เลย อะไรประมาณนี้ รู้สึกว่าเราโชคดี แล้วยิ่งเราเป็นนักแสดงด้วย พี่ว่ามันก็เป็นคนที่ทำให้เวลาทำอะไรก็มีคนอยากช่วย โชคดีตรงที่เราเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นมันก็ทำให้เราอยากจะทำอะไรเพื่อสังคม มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก"

มองว่าเรื่องออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ และอยากให้เป็นจุดตั้งต้นของชีวิตคู่ใช่ไหม

นง "คือจากชีวิตที่ผ่านมาจนถึงตอนอายุ 25 ตอนนี้เนี่ยนะ (หัวเราะ) คือเห็นชีวิตมาเยอะอ่ะนะ แล้วก็ครั้งหนึ่งเคยโดนอุบัติเหตุไฟฟ้าแรงสูงดูด จนกระทั่งเมื่อประมาณปี 49 48 ภรรยาก็เสีย เราก็เห็นน่ะ เราค่อยๆ เห็นมาเรื่อยๆ แล้วก็ชีวิตมันก็จะมีเพื่อน มีผู้ใหญ่ มีเด็กหลายคนที่เสียชีวิตไป แล้วก็เห็นว่าจริงๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีชีวิตอยู่ของเราแหละ ในขณะเดียวกันการมีชีวิตอยู่ของเรา สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ เราละเลยมันน่ะ เราละเลยไป อย่างครั้งหนึ่งที่โดนไฟฟ้าแรงสูงดูด มือเราใช้ไม่ได้ เราคิดถึงวันหนึ่งที่มือเราใช้ไม่ได้หรือเราเดินไม่ได้เนี่ย เราไม่อยากต้องการอะไรแล้วนะ เราอยากกลับไปเดินได้เหมือนเดิม ในขณะเดียวกันตอนนี้เราเดินได้ เราใช้มือเราใช้นิ้วยังได้ แต่เราลืมไปว่านี่มันเป็นความวิเศษ เพราะเราใช้จนธรรมดา วันหนึ่งมันหายไปสิ กลับมาใหม่มันพิเศษนะ กลับมาได้เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นมีไว้รักษาไว้"

เจ้าสาวประทับใจรูปแบบงานหรือเปล่า

ติ๊ก "จริงๆ ก็เป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว แล้วก็อย่างวันนี้ก็จริงๆ ประทับใจมาก ไม่คิดว่าชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถมีงานที่มันพิเศษมาก มันไม่ใช่แค่งานแต่งงาน แต่ว่ามันเป็นความตั้งใจของพี่นง ที่อยากให้ทุกอย่างออกมาให้ทุกคนมีความสุขค่ะ ก็วันนี้คิดว่าทุกคนน่าจะมีความสุข"

นง "คือไม่ใช่พี่คนเดียวนะ ความจริงแล้วมันเป็นแค่แนวความคิด แต่ว่าวันนี้ถ้าเราจะเห็นจริงๆ น่ะ พลังทั้งหมด พลังความรักของทุกคนที่มาร่วมวันนี้เนี่ยมันส่งต่อไป ทุกคนมีรอยยิ้ม ทุกคนมาร่วมกันด้วยความสนุกสนาน แล้วพี่ว่าตรงนี้มันไม่ใช่มวลความสุขที่เขาได้ พี่สามารถสรุปได้ว่านี่คือความประทับใจ มันคือความประทับใจของทุกๆ คน ซึ่งความสุขแป๊บเดียวเราก็ลืมนะ แต่พอมันเป็นความประทับใจ นึกถึงทีไรมันก็ประทับใจ เพราะฉะนั้นอันนี้คือความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากเรา ไม่ใช่พี่คนเดียว เรา พอเป็นความสำเร็จที่เกิดจากเราแล้วมันจะเป็นพลังใหญ่ ซึ่งมันสามารถเป็นระเบิดที่มันสามารถไประเบิดสังคมได้ ทำให้สังคมหันมามอง ทำให้สังคมจับตา แล้วก็วันหนึ่งถ้าเกิดเขาอาจจะเข้ามา ได้มาเห็น ได้มาสัมผัสบ้าง ซึ่งวันนี้พี่เชื่อว่าพลังนี้ถ้ามันไประเบิดโดนใครสักคนหนึ่ง คุ้มแล้ว แค่คนเดียวก็คุ้มแล้ว ชีวิตตรงนั้นน่ะ เขาเปลี่ยน ชีวิตเราก็มีความสุขแล้วแหละ"

สินสอดทองหมั้น

นง "วันนี้จะเห็นนะว่าสินสอดทองหมั้นของพี่ก็จะเป็นอุปกรณ์กีฬา เอาอุปกรณ์กีฬา เอาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไปออกกำลังกาย คุณมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง คุณมีความคิดดี สร้างใหม่ได้หมดอ่ะ วันนี้คุณสร้าง 10 บาท ก็ได้ 10 บาท คุณสร้าง 100 ก็ได้ 100 คุณก็ใช้ขนาดนั้นสิ แล้วพรุ่งนี้คุณสร้าง 1,000 ก็ 1,000 ชีวิตมันก็แค่นี้ ก็ต้องมีสุขภาพแข็งแรง"

แหวนแทนใจ

นง "นพเก้า เป็นแหวนนพเก้า ซื้อไว้ตอนเล่นละครเล่นลิเก (หัวเราะ) ก็คือซื้อไว้นานแล้ว ไปซื้อที่กรุงเทพฯ ร้านป้าภา ป้าภาที่เพนนินฯ (เพนนินซูลา พลาซา) เห็นแหวนนี่แล้วก็ถาม ชอบ สวย ก็เลยซื้อเก็บไว้ ซื้อเก็บไว้นานแล้ว ก็คิดว่าน่าจะมีใครสักคนที่เหมาะสม แล้วก็ตามหากันจนเจอ"

แหวนมูลค่าเท่าไร

นง "ตอนนั้นถ้าจำได้ก็หลักหมื่นแค่นั้นเอง"

จดทะเบียนสมรสหรือยัง

นง "ทำไปแล้ว"

ติ๊ก "จริงๆ ต้องบอกว่าทำไปก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาฯ ที่ผ่านมาค่ะ เรียบร้อยไปนานแล้ว"

นง "คือจริงๆ ก็ชัดเจนกับเขามานานแล้ว ชัดเจนกับเขามานาน ก็คือคนส่วนใหญ่ในวงก็จะรู้อยู่แล้วแหละว่าเราคบเขา แล้วเราก็คิดว่าคงไม่ได้เปลี่ยนแล้ว การแต่งงานวันนี้มันไม่ใช่เรื่องของการแต่งงาน มันเป็นเรื่องของการทำให้พ่อแม่เขามีความสุข ลูกเขามาอยู่กับเราอ่ะ ใครถามก็เนี่ยไปอยู่กับนี่แล้ว แล้วไงอ่ะ เราก็เชื่อว่าพ่อแม่เขาไม่รู้จะบอกยังไงให้มันชัดเจน แล้วเรารู้สึกว่าถ้าเราทำให้พ่อแม่เขามีความสุข เขาต้องเป็นคนที่มีความสุขมาก เพราะว่าเขาเป็นคนรักครอบครัว คือทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวได้"

มีการวางแผนชีวิตหลังจากนี้อย่างไร

นง "วันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสฯ 3 วันน่ะเป็นการประชุมโบกี้ วิ่งรถไฟ แล้วก็วันพุธบินไปที่สุราษฎร์ฯ ไปพูดถึงเรื่องงดบุหรี่ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่เทิดไท้องค์ราชัน เนี่ย ก็เป็นกิจกรรมที่ทำเรื่องรณรงค์เรื่องของสุขภาพ การออกกำลังกาย แล้วก็อันนี้เรื่องสิ่งเสพติด ก็เพียงแต่คุณเลิกสิ่งเสพติดแบบหนึ่ง แล้วก็มาติดสิ่งเสพติดอีกแบบหนึ่งก็คือการวิ่ง คุณเลิกบุหรี่นิโคติน คุณเลิกเหล้าที่มันเป็นแอลกอฮอล์มาติดเอ็นดอร์ฟิน เอ็นดอร์ฟินจากการวิ่ง ก็คืออยากให้เขามาเปลี่ยนสิ่งเสพติดใหม่ ก็คืออนาคตของพี่ที่จะบอกเขาว่าแบบตอนนี้เรายังไม่รู้นะว่าจะได้เที่ยวเมื่อไร เพราะตอนนี้ที่ผ่านมานี่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเล่นละครฟรีอีกกี่เรื่อง (หัวเราะ) เพราะตอนทำไม่ได้คิดถึงค่าใช้จ่ายเลย ทำ พี่อยากทำให้ดี"

มีการวางแผนเรื่องลูกหรือยัง

นง "แพลนแล้ว แพลนว่าไม่แพลน (หัวเราะ) คือจริงๆ อ่ะเคยคุยกันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แล้วพี่ก็บอกความจริงเขาว่าพี่ทำหมันตั้งแต่ตอนหลังจากอุบัติเหตุ ประมาณปี 37 38 39 พี่ก็ทำหมันแล้ว ประมาณ 39 ทำหมัน แล้วก็หมดความรู้สึกทางเพศไปนานแล้ว (หัวเราะ) ไม่ใช่ แต่เขาก็ไปดูนะ เขาก็ไปแบบว่าเฮ้ยมันทำได้นะ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว พี่ก็เลยบอกเอางั้นแล้วกัน ถ้าอยากมี ไปหาคนอื่นแล้วกันนะ คือแบบว่าเรายังไม่สามารถมีได้ ก็มันเป็นสิ่งเดียวที่พี่ให้เขาไม่ได้ เพราะพี่มีลูกแล้ว 3 คน ก็มันเป็นความตั้งใจของพี่ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเราไม่อยากมีลูกเพิ่ม แล้วก็อายุขนาดนี้อย่างที่บอก ปีนี้ก็จะ 40 แล้ว ก็ไม่อยากมีลูกเล็กๆ แล้วก็รู้สึกว่าถ้าเรามีลูกเล็ก แน่นอนเราต้องรักลูก ถ้าลูกเล็กเราก็ต้องใช้เวลาที่จะต้องไปดูแล กว่าเขาจะเติบโต เราผ่านตรงนั้นมาแล้ว แล้วเรารู้สึกว่า ณ ตอนนี้ที่เราทำงานให้กับสังคม แล้วเราทำให้กับคนอื่นน่ะ เฮ้ยเรารักคนอื่นก็ได้ ก็บอกเขาเรารักคนอื่นก็ได้ รักเด็กคนอื่น ก็เหมือนกัน แล้วเราก็ทุ่มเทความรักตรงนั้น"

ติ๊ก "จริงๆ ตอนแรกก็อยากมีนะ แต่มาถึงตอนนี้งานสังคมเขาเยอะ แล้วก็คิดว่ามันก็โอเคแล้วกับชีวิตทุกวันนี้ เพราะว่าน้องๆ ก็เติมเต็ม เราก็มาเติมเต็มกับเขา เขาก็มาเติมเต็มกับเรา มันก็โอเคแล้วค่ะ ทุกอย่างมันเพอร์เฟกต์แล้ว เพียงแต่ว่าอย่างชีวิตหลังจากนี้คือถ้าจะต้องมีลูกเล็กอย่างที่พี่นงบอก มันคงแบ่งเวลาที่จะต้องไปดูแลเด็กๆ กว่าลูกจะโต กว่าจะเข้าโรงเรียน ไม่เป็นไร ติ๊กมีหลาน ติ๊กเลี้ยงหลานก็ได้ ตรงนี้ติ๊กแฮปปี้ที่จะขับรถไปด้วย ไปต่างจังหวัด ไปไหนมาไหน คือเดินทางด้วยกัน จริงๆ ยังห่วงเขามากกว่า เพราะว่าเขาพอถ่ายละครเยอะๆ มันเบลอ หลายครั้งมากที่เขาลืมโทรศัพท์ ลืมกระเป๋าสตางค์ คือลืมที่ไหนก็ไม่รู้ ทำหล่นตรงไหนก็ไม่รู้ แล้วก็กลับมาบ้านแบบว่าเออวันนี้ของหาย ก็เลยโอเคแล้วแหละ ตรงนี้ไม่เป็นไร ก็แฮปปี้กับที่เป็นอยู่ค่ะ"

นง "มันเป็นเรื่องของการสื่อสารกันเนอะ พี่ว่ามันเป็นเรื่องของการสื่อสารที่เราคิดยังไง เราเป็นยังไง เราก็เปิดตัวตนของเราให้เขารู้ แล้วเขาเป็นตัวตนของเขาออกมา คือตอนแรกเขาก็บอกไม่ พี่ก็บอกพี่ก็ไม่เหมือนกัน เราก็ดูว่ามันจะเป็นยังไง ก็สื่อสารกันตรงๆ ตอนนี้คืออย่างที่บอกว่าถ้าสุดท้ายสิ่งที่พี่ไม่ แล้วเขาไม่ยอม อันนี้ต้องตัดสินใจแล้วว่ายังไง ถ้าเขาตัดสินใจโอเคงั้นเลิก งั้นพี่ก็ต้องดูว่าพี่โอเค งั้นพี่ปรับได้ไหม ก็ประมาณนั้น เรื่องของการสื่อสาร"

ด้วยวัยที่ห่างกันถึง 20 ปี ทำให้ต้องปรับตัวเข้าหากันอย่างไรบ้าง

นง "(หันไปพูดกับเจ้าสาว) พูดความจริงเลยนะ บอกเขาเลย 4 ปีที่คบกันมา ยูเข้าโรงบาลฯ กี่ครั้ง"

ติ๊ก "จะบอกว่าส่วนใหญ่ติ๊กเป็นคนที่ป่วยมากกว่าเขา คือเหมือนกับว่าเราทันเขาอ่ะ (หัวเราะ)"

นง "พี่ไม่เคยป่วยเลยนะ ทั้งๆ ที่พี่ทำงานหนักมาก ถ่ายละครบางทีเป็น 10 เรื่องนะบางช่วงเนี่ย เขาต้องขับรถให้ แล้วพี่ไปถ่ายละคร พี่ไม่เคยป่วย พี่ไม่เคยเข้าโรงบาลฯ"

ติ๊ก "จริงๆ สำหรับเขา อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ คือเขาก็ยังดูแลสุขภาพอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคือร่างกายแข็งแรงก็โอเคแล้ว แล้วก็ถ้าถามว่าเรื่องทัศนคติที่มีต่อกันอายุก็ไม่เกี่ยว รู้สึกว่าเพราะคุยกันตั้งแต่แรกก็คุยกันได้ ทุกวันนี้เรียกกันไอกับยู ก็จะแบบว่าเหมือนเพื่อนกัน คือมุมที่มันมีเป็นพี่เป็นน้องก็มี"

ฝากเคล็ดลับที่ทำให้ความรักไม่โรยราตามอายุ

นง "พี่ว่าความรักมันมีพลังนะครับ ผมอยากให้ทุกคนมองเห็นนะครับว่าไม่ใช่รักแบบหนุ่มสาว ความรักเป็นเรื่องที่ดี สังเกตไหมครับเวลาเรามีความรักเนี่ยเราจะมีพลัง เมื่อคืนผมไม่ได้นอนนะ แล้วเมื่อวานผมก็ทำงานทั้งวัน เมื่อคืนก็ไม่ได้นอน ที่ไม่ได้นอนเพราะกินกาแฟไป 3 แก้ว ตื่นเต้น ตื่นเต้นแบบเราจะจัดตรงนั้นเรียบร้อยไหม สุดท้ายแล้วก็ปล่อยมันไปตามนั้น ก็อยากให้มองเห็นว่าความรักเนี่ยมันจะสร้างพลัง ความรักมันจะทำให้เราเติบโต เมื่อไรที่เราหงุดหงิด หัวเสีย อิจฉา หรือน้อยใจ เราจะไม่สร้าง เราจะไม่สร้างอะไรเลยนะ เราจะหงุดหงิดแล้วเราจะพาลไม่อยากทำอะไร เพราะฉะนั้นสังเกตว่าจริงๆ แล้วเนี่ยวิธีคิดของเราก็คือทำให้เรามีความรัก แล้วไม่ว่าจะเป็นรักเรื่องงาน รักเพื่อน รักครอบครัว รักแม่ รักอะไรก็ได้ พอเรามีความรักแล้วทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม แต่เรามองเป็นเห็นสีชมพู"

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35
  • รูปภาพ 36
  • รูปภาพ 37
  • รูปภาพ 38
  • รูปภาพ 39
  • รูปภาพ 40

ความคิดเห็น

วันนี้ในอดีต

  • Anger Management
    เข้าฉายปี 2003
    แสดง Jack Nicholson, Adam Sandler, Marisa Tomei
  • One Piece Film Z
    เข้าฉายปี 2013
    แสดง Mayumi Tanaka, Houchu Ohtsuka, Ryoko Shinohara
  • Juvenile
    เข้าฉายปี 2003
    แสดง Shingo Katori, Miki Sakai, Ann Suzuki

เกร็ดภาพยนตร์

  • What If - แมรี อลิซาเบธ วินสเตต, เดบอราห์ แอน วอลล์, โรส เบิร์น และ รีเบกกา ฮอลล์ ล้วนเป็นนักแสดงที่ได้รับการพิจารณาให้รับบท ชานทรี ที่สุดท้ายแล้วรับบทโดย โซอี คาซาน อ่านต่อ»
  • Boyhood - เอลลาร์ โคลเทรน ผู้รับบท เมสัน ตอนเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำภาพยนตร์อายุ 7 ปี และตอนถ่ายทำภาพยนตร์เสร็จอายุ 18 ปี อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวของ เฟร็ด ฟลาสกี (เซธ โรเกน) นักข่าวหัวขบถมากฝีมือที่มักจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนตลอดเวลา เขาได้พบกับ ชาร์ล็อตต์ ฟิล...อ่านต่อ»