1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

แดเนียล เปิดใจถึงการทำงาน แฮรี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี

แดเนียล เปิดใจถึงการทำงาน แฮรี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี

"แดเนียล แรดคลิฟฟ์" เด็กหนุ่มอายุ 16 ปี ที่ได้กลับมารับบท แฮร์รี่ พอตเตอร์ อีกครั้งหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง "Harry Potter and the Goblet of Fire" ภาคที่สี่ในภาพยนตร์ชุดเรื่องดัง Harry Potter ซึ่ง แดเนียล ได้เล่าถึงการทำงานในเรื่องนี้ให้ฟังว่า

การร่วมงานกับผู้กำกับชาวอังกฤษคนแรก มีความแตกต่างอะไรบ้าง

"ครับมีแน่ เขาเข้าใจโลกของความเป็นนักเรียนประจำ เพราะตัวเขาเองก็เคยเรียนแบบนั้น ซึ่งก็อาจจะไม่เหมือนกับฮอกวอตส์ไปซะทุกอย่าง แต่ก็คล้ายคลึงกัน เขาโตมากับมัน"

ไมค์ นิวเวลล์ ใส่อารมณ์ขันเข้ามาในเรื่อง จริงหรือเปล่า

"ผมคิดว่าพวกเราต้องการทำให้เป็นแบบนั้น เพราะบางตอนค่อนข้างรุนแรงและน่ากลัวมากๆ ผมมีความรู้สึกว่าเราต้องการอะไรที่มันเบาๆ นิดหน่อย เพื่อทำความสมดุลย์ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อตัดกับส่วนมืดหม่น ตอนที่ผมมาดูบางส่วนของฉากที่ผมแสดง ผมเองยังต้องหัวเราะ

ในฉากชมรมที่รูเพิร์ทกับผมต้องปรึกษากันเกี่ยวกับการนัดสาวไปงานฉลองคริสต์มาส และคุณไม่สมควรจะพูดคุยกันในนั้น เพราะสเนปคอยเฝ้าจับผิดอยู่ข้างหลังพวกเราและตบหัวพวกเราด้วยหนังสือ ซึ่งเป็นเรื่องที่ธรรมดาแต่ตลกอย่างไม่น่าเชื่อ ไมค์เปรียบเทียบมันกับเรื่อง The Great Escape ที่พวกเราต้องขุดอุโมงค์อยู่และ อลัน ริคแมน ที่เป็นพวกนาซี ต้องพยายามที่จะจับพวกเราระหว่างที่พวกเราทำงาน นั่นคือหัวข้อของฉากนั้น"

รู้สึกภาคนี้ท้าทายมากยิ่งขึ้นไหม

"โอ้ แน่นอนอยู่แล้ว ผมต้องทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะถ้าผมไม่ทำให้ดีขึ้น ผมเองก็จะรู้สึกไม่ปลื้มกับมัน เพราะเมื่อไรที่คุณรู้สึกว่าคุณพอใจกับสิ่งไหนแล้วการแสดงออกของคุณจะแย่ลง เป็นเรื่องที่ยากอยู่สักหน่อย และยังเป็นเรื่องที่ยากที่พวกเราทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยุ่งยากมากเพียงใด พวกเราต้องระมัดระวังในความรับผิดชอบกับความมุ่งหวังเป็นอย่างมากที่มีให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้

ตัวผมเองก็ต้องระวังว่าตัวผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นวัยรุ่นว่าคุณจะต้องระมัดระวังว่าผู้คนจะจ้องมองคุณและมองคุณแบบไหน เพราะฉะนั้นคุณจะต้องแสดงให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ตอนนี้ตัวผมรู้สึกสบายๆ เมื่อต้องเข้าฉาก และผมจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นที่จะแสดงเป็นแฮร์รี่ เพราะผมรู้จักความเป็นตัวเขามากขึ้น"

ฉากไหนที่ยากที่สุด

"ฉากที่ผมว่ามันยากที่สุดก็คือฉากที่ต้องสยบมังกร เพราะมีบางส่วนในฉากสยบมังกรที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือ เป็นตอนที่ผมต้องตกจากไม้กวาดแล้วเริ่มที่จะลื่นไถลลงมาจากหลังคา เพราะงั้นผมต้องแสดงการลื่นลงมาจากหลังคาเยอะมาก ผมต้องแขวนตัวเองจากเพดานด้วยสายเชือก จากนั้นพวกเขาก็ปล่อยผมให้ตกลงมาจนถึงพื้น น่ากลัวเอามากๆ เพราะเป็นการตกลงมาจากระยะความสูง 60 ฟุตในเวลาเพียง 2.5 วินาทีหรืออาจจะน้อยกว่านั้น

ในตอนเริ่มแรกผมกลัวมาก แต่หลังจากเทคได้สักห้ารอบ ผมก็เริ่มที่จะสนุกกับมัน ฉากนี้เป็นฉากที่หินที่สุด ที่ต้องใช้ร่างกาย แต่ในฉากที่ต้องใช้การท้าทายทางอารมณ์อย่างการเผชิญหน้ากับ โวลเดอร์มอร์ ในท้ายสุดของเรื่อง ในขณะที่คุณต้องแสดงออกทางร่างกายแล้ว ยังมีการต้องแสดงออกมาทางอารมณ์ของแฮร์รี่อีก เพราะเขาต้องพบกับคนที่ฆ่าพ่อและแม่ของเขา และเป็นคนที่เขาต้องการจะฆ่าเพื่อแก้แค้น"

เป็นฉากที่ยากที่สุดเท่าที่เคยแสดง Harry Potter เลยหรือเปล่า

"แน่นอนครับ ใช่แล้ว ผมหวังว่าอย่างนั้นนะ ผมยังไม่ได้ดูฉากนั้นที่ตัดต่อเสร็จแล้ว ยังไม่ได้ดูส่วนที่ได้ถ่ายทำไปแล้วหรืออะไรเลย ผมจึงยังไม่เห็นว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ได้แต่หวังว่ามันจะออกมาดี ผมค่อนข้างกังวลกับมัน เพราะผมรู้ว่ามันเป็นฉากที่ภาพยนตร์ทั้งสี่เรื่องที่ผ่านมาพยายามโยงเรื่องให้มาถึงฉากนี้ แต่การที่เราได้ เรล์ฟ ไฟน์ส มาแสดงเป็นโวลเดอมอร์นั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก ในเหตุการณ์ที่ผมทำได้ไม่ดี เขาจะดึงความสนใจออกไป นั่นแหละที่เป็นแผนในใจผม"

ต้องเรียนรู้การเต้นรำแบบบอลรูมสำหรับเรื่องนี้ด้วย

"โอ้ ฉากนั้นก็ยากครับ จะเห็นได้ว่าในฉากนั้นจะไม่ได้เห็นส่วนขาของผมเลย จะเป็นการเต้นรำจากส่วนเอวขึ้นไป เด็กคนอื่นๆ มีเวลาสามอาทิตย์ที่จะฝึกฝนมัน แต่เพราะผมต้องแสดงฉากใหญ่กับ แม้ด-อาย มู้ดดี้ ทำให้ผมมีเวลาแค่สามชั่วโมงเพื่อซ้อมเต้นสำหรับฉากนี้ เมื่อผมเต้นผ่านหกหรือเจ็ดสเต็ปแรก ผมจะค่อยๆ สับสนไปมาทีละน้อย

สาวที่ผมต้องเต้นรำด้วยเธอ คือ เชฟาลี่ ซึ่งรับบทเป็น ปาราวตี พาทิล ในภาพยนตร์ และเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก ผู้หญิงที่แสดงเป็นพี่สาวของเธอ คือ อัฟชาน เป็นหนึ่งในเพื่อนรักของผม เชฟาลี่ปราดเปรื่องมาก แต่เธอต้องยุ่งยากกับการฝึกเต้นรำ ตัวเธอกับอัฟชานนั้นต้องแสดงเป็นพี่น้อง แต่อัฟชานนั้นสูงกว่าเธอมาก เชฟาลี่ต้องสวมชุดที่มีด้านล่างกว้าง และต้องร่วมแสดงกับใครสักคนที่ให้ความร่วมมือกับคุณอย่างร้าย คือตัวผมเองที่เต้นรำแบบงูๆ ปลาๆ ทั้งคู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ที่สุดแล้วพวกเราก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี และเป็นเรื่องน่าขำมากๆ

ในทางเทคนิคแล้วผมน่าจะเป็นนักเต้นรำที่ชำนาญอย่างยอดเยี่ยม เพราะทั้งพ่อและแม่ของผมเป็นแชมป์เต้นรำตอนที่พวกท่านเป็นวัยรุ่น ผมว่ายีนแบบนั้นข้ามผ่านรุ่นของผมไป"

ได้ให้ความช่วยเหลือนักแสดงหน้าใหม่อะไรบ้างไหม

"(หัวเราะ) ผมไม่เคยคิดว่าตัวผมเป็นนักแสดงที่ช่ำชอง แต่นิวเวลล์นั้นยอดเยี่ยมมากในการที่เขาจัดเวิร์กชอปส์ให้กับพวกเรา ผมพูดว่าเวิร์กชอป์สนะ พวกเรามารวมกันในห้องเดียวและทำการแสดง ที่นึกกันเองในตอนนั้น สิ่งที่ยอดเยี่ยมก็คือเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเราทุกคน เพราะพวกเราไม่เคยมีใครเคยทำการแสดงที่นึกขึ้นเดี๋ยวนั้นหรืออะไรทำนองนี้มาก่อนเลย จะมี เคลมองซ์ โพเอซีย์, เคธี่ เหลียง, สแตน ไออานอฟสกี้ เข้ามาร่วมด้วยพร้อมกับทีมงานนักแสดงทุกคนที่ต้องร่วมแสดงในเรื่องนี้

พวกเราก็ทำการฝึกการแสดงทุกอย่างกับคุณครูสอนดราม่า คือ เบน ซึ่งยอดเยี่ยมมากๆ เราใช้เวลากันเกือบสามอาทิตย์ก่อนเปิดกล้อง แต่พวกเราทุกคนอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน พวกเราต้องอยู่ในภาวะของวันแรกที่ต้องทำความรู้จักซึ่งกันและกันและต้องแสดงร่วมกัน เพราะเราเคยผ่านช่วงเวลานี้มาแล้ว และก็ทำให้พวกเขารู้สึก หวังว่านะ เข้ากันได้เป็นอย่างดี และยังจะหมายถึงหมดความรู้สึกเก้อเขินที่จะเข้าฉากที่ต้องแสดงร่วมกัน"

มีแบบพิธีรับน้องใหม่อะไรแบบนั้นหรือเปล่า

"(หัวเราะ) ไม่มีอะไรเลย อันที่จริงแล้วเป็นการดี การที่มีนักแสดงหน้าใหม่เข้ามาร่วมงานในหลายๆ ด้านก็เหมือนกับการมีผู้กำกับการแสดงคนใหม่ ทำให้พวกเราทุกคนสดชื่นและน่าสนใจ เพราะงั้นเป็นเรื่องในทางบวกนะ ผมว่า"

ภาคนี้มีความโดดเด่นยังไง

"หนึ่งในหลายๆ เรื่องก็คือ เป็นเรื่องแรกที่คุณจะได้เห็นแฮร์รี่ปิ๊งสาวๆ หรืออะไรทำนองนั้น แต่ผมรู้ว่าเราอาจจะกล่าวได้ว่าถ้าเทียบกับภาพยนตร์เรื่องที่ผ่านมาจะค่อนข้างรุนแรงมากกว่า แต่เป็นเรื่องจริงและผมก็คิดว่าสมควรที่จะต้องให้เรตติ้งเป็น PG-13 ในประเทศอเมริกา เพราะมีความรุนแรงและน่าหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้น"

เคยรู้สึกไหมว่ารุนแรงมากกว่าอะไรที่เคยได้ทำมาก่อน

"ผมรู้สึกนะ แต่ผมก็คิดว่าด้วยความที่เป็นภาพยนตร์แบบนี้ ใครจะรู้ว่ามันจะเป็นเรื่องสุดท้ายหรือเปล่า เพราะพวกเขาอาจจะไม่ต้องการภาพยนตร์ที่ทุกคนไม่สามารถจะดูมันได้ แต่ผมก็รู้สึกดีใจที่พวกเขาไม่ได้หักเหจากความรุนแรง เมื่อวันก่อนผมกำลังทำการลงเสียงอยู่ และมีโอกาสได้เห็นส่วนหนึ่งของฉากจบ (เพราะเป็นตอนที่ภาพยนตร์ใกล้ปิดกล้อง) และผมก็คิดว่าพวกเขาไม่ได้เอาความรุนแรงออกไปจากในภาพยนตร์เลย มันออกมาแล้วดูดีมาก

อีกหนึ่งอย่างที่เกิดขึ้นกับผมนั้น คือมิตรภาพระหว่าง แฮร์รี่ รอน และ เฮอร์ไมโอนี่ เพราะในเรื่องนี้แฮร์รี่และรอนทะเลาะกัน และยังมีความกดดันมากขึ้นกว่านั้นระหว่างรอนและเฮอร์ไมโอนี่ และในจุดนี้พวกเราจะรู้กันแล้วว่าเขาสองคนนั้นชอบกัน และพวกเขาก็รู้ตัวเองด้วยแต่ทั้งสองคนไม่อยากให้ใครรู้ ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญก็คือการที่แฮร์รี่และรอนต้องมีเรื่องผิดใจกันใหญ่โตในเรื่องนี้"

เตรียมพร้อมตัวเองอย่างไรกับบรรดาแฟนๆ ที่ตามกรี๊ด

"ผมไม่รู้สิครับ ผมก็ทำมันไป มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องใช้สติมากนัก ผมไม่ต้องมานั่งพูดกับตัวเองอยู่ทุกคืนและหยุดตัวเองไม่ให้เย่อหยิ่ง ผมคิดว่ามันมาจากคุณพ่อคุณแม่ของผม เพราะท่านทั้งคู่เป็นคนดีและพวกท่านคงไม่ยอมให้ผมลุกขึ้นมาเป็นคนเย่อหยิ่งหรือว่าหน้าใหญ่หรืออะไรที่เป็นทำนองนั้น และอีกอย่างหนึ่งก็คือผมคงไม่อยากเป็นแบบนั้นแน่ เพราะผมให้คุณค่าที่มีอยู่ในคนทุกคน และเป็นอะไรที่เราควรจะก้าวไปกับมัน"

บรรดาแฟนๆ เปลี่ยนไปบ้างไหม

"ครับ แน่นอน ผู้คนที่ชอบหนังสือในตอนแรกที่ออกมาเมื่อตอนอายุสิบเอ็ด ตอนนี้พวกเขาอยู่ในช่วงกลางถึงปลายวัยรุ่นกันแล้ว ก็เหมือนกับตอนที่ภาพยนตร์เรื่องแรกได้ออกฉาย ทุกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมที่มาชมก็อายุเพียงสิบหรือสิบเอ็ดปี ตอนนี้พวกเขาก็อายุสิบหกด้วย เพราะงั้นผู้คนที่เริ่มกันมาก็โตมาด้วยกัน

อาจจะมีผู้คนอีกบางส่วนที่เริ่มจะชอบมันด้วย ค่าเฉลี่ยของอายุจะสูงขึ้นตามภาพยนตร์ที่รุนแรงมากขึ้น เพราะตั้งแต่เริ่มแรกอาจจะมีหลายคนที่ไม่ชอบมัน เพราะพวกเขาคิดกันว่าคงจะเป็นภาพยนตร์สำหรับเด็ก ในตอนนี้ที่มันรุนแรงมากขึ้น ทำให้ผู้คนเหล่านั้นเริ่มหันมามอง และเริ่มคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นอะไรที่พวกเราพอจะชอบมันได้"

เตรียมพบกับการผจญภัยครั้งใหม่ของพ่อมดน้อยใน Harry Potter and the Goblet of Fire หรือ แฮรี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคคี วันที่ 17 พฤศจิกายน นี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น

ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Railway Man - นิโคล คิดแมน ผู้รับบท แพทตี รู้สึกสนใจร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้เนื่องจากแก่นเรื่องเกี่ยวกับการให้อภัย อ่านต่อ»
  • Under the Skin - ผู้ชายที่ถูก ลอรา ตัวละครที่แสดงโดย สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน ล่อลวงเข้าไปในรถตู้ ไม่ได้เป็นนักแสดง ผู้กำกับ โจนาธาน กลาเซอร์ ซ่อนกล้องไว้ที่รถ และบอกผู้ชายเหล่านั้นภายหลังว่าพวกเขากำลังจะปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวการผจญภัย เริ่มต้นเมื่อนักสืบมือฉมัง แฮร์รี กูดแมน (พอล คิตสัน) หายตัวไปอย่างลึกลับ เป็นเหตุให้ ทิม กูดแมน (จั...อ่านต่อ»